สถานการณ์ที่อยู่อาศัยใน EEC ไตรมาส 2 ปี 2568
วันที่ : 14 ตุลาคม 2568
ศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ EEC Capital City : EECiti
ขนาดพื้นที่ : ประมาณ 15,000 ไร่ ประมาณ 5,000 ไร่ สำหรับการพัฒนาระยะแรก
สัดส่วนการใช้ที่ดิน : 30% พื้นที่สีเขียว 70% พื้นที่โครงสร้างพื้นฐาน และพื้นที่ใช้สอย
แนวคิดในการออกแบบ : พลังงานสะอาด 100% น้ำพึ่งพาตนเองคาร์บอนและขยะเป็นศูนย์ ปรับตัวได้ รองรับสภาวะโลกอนาคต
ระยะเวลาพัฒนา : พ.ศ. 2565 – 2575 (1 ปี สำหรับเตรียมการ และ 10 ปี สำหรับการพัฒนาโครงการฯ)
5 กลุ่มธุรกิจ และที่อยู่อาศัย : สำนักงานใหญ่ศูนย์ภูมิภาคและศูนย์ราชการ ศูนย์ธุรกิจอนาคต ศูนย์การแพทย์ ศูนย์การศึกษาวิจัยพัฒนาระดับนานาชาติ ศูนย์กลางการเงิน และที่อยู่อาศัยชั้นดีสำหรับทุกกลุ่ม
พบว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ชะลอตัวทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า แต่หากเทียบรายไตรมาสพบว่า มีการฟื้นตัวบางส่วนจากแรงหนุนของมาตรการรัฐ อาทิ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ ประเภทร้อยละ 0.01 รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ทุกระดับราคา ในเชิงพื้นที่ จังหวัดระยองยังคงโดดเด่น โดยเป็นจังหวัดเดียวที่การโอนกรรมสิทธิ์ขยายตัว สะท้อนแรงขับเคลื่อนจากภาคอุตสาหกรรมและความต้องการแรงงาน ขณะที่ด้านอุปทานทั้งใบอนุญาตจัดสรรที่ดินและพื้นที่ก่อสร้างโดยรวมปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยเฉพาะ ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของตลาด อย่างไรก็ตามจังหวัดระยองยังคงมีการขยายตัวของพื้นที่ก่อสร้าง อย่างมีนัยสำคัญ ตอกย้ำบทบาทของจังหวัดในฐานะแหล่งลงทุนและการจ้างงานที่สำคัญของภูมิภาคตะวันออก โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ไตรมาส 2 ปี 2568 พบว่า ด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยลดลงทั้ง จำนวนหน่วยและมูลค่า โดยลดลงร้อยละ -7.4 และร้อยละ -8.4 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) การโอนกรรมสิทธิ์ได้รับผลบวกจากแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจของภาครัฐ ได้แก่ การลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองเหลือประเภทละร้อยละ 0.01 สำหรับที่อยู่อาศัยที่มีระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2568 เป็นต้นไป ทำให้จำนวนหน่วยและ มูลค่าเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2568 ส่วนอุปทานใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน มีจำนวนโครงการลดลงร้อยละ -7.7 และ จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -10.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สำหรับพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลงร้อยละ -0.3 โดยเป็นการลดลงของพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารชุดร้อยละ -23.7 แต่มีพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างแนวราบเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ครึ่งแรกปี 2568 พบว่า ด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย มีจำนวนหน่วย ลดลงร้อยละ -6.8 และมูลค่าลดลงร้อยละ -8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 หากพิจารณาแต่ละพื้นที่ พบว่า จังหวัดระยองเป็นเพียงจังหวัดเดียวในพื้นที่ EEC ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ร้อยละ 4.1 และร้อยละ 3.7 ตามลำดับ ส่งผลให้อุปทานพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลง ร้อยละ -11.6 แบ่งออกเป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวราบจำนวนประมาณ 1,478,692 ตารางเมตร ลดลงร้อยละ -11.0 และอาคารชุดจำนวนประมาณ 61,212 ตารางเมตร ลดลงร้อยละ-23.0 โดยพบว่า จังหวัดระยอง มีพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 อาจสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัย ของแรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ส่วนใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน มีจำนวนโครงการลดลงร้อยละ -22.9 และ จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -33.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยเป็นการจัดสรรประเภททาวน์เฮ้าส์มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40.2 และพบว่า จังหวัดชลบุรีมีใบอนุญาตจัดสรรมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.3 ของใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั้งหมด ภาพรวมอุปสงค์และอุปทานตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ในไตรมาส 2 ปี 2568 และครึ่งแรกปี 2568 มีสาระสำคัญดังนี้...
สัดส่วนการใช้ที่ดิน : 30% พื้นที่สีเขียว 70% พื้นที่โครงสร้างพื้นฐาน และพื้นที่ใช้สอย
แนวคิดในการออกแบบ : พลังงานสะอาด 100% น้ำพึ่งพาตนเองคาร์บอนและขยะเป็นศูนย์ ปรับตัวได้ รองรับสภาวะโลกอนาคต
ระยะเวลาพัฒนา : พ.ศ. 2565 – 2575 (1 ปี สำหรับเตรียมการ และ 10 ปี สำหรับการพัฒนาโครงการฯ)
5 กลุ่มธุรกิจ และที่อยู่อาศัย : สำนักงานใหญ่ศูนย์ภูมิภาคและศูนย์ราชการ ศูนย์ธุรกิจอนาคต ศูนย์การแพทย์ ศูนย์การศึกษาวิจัยพัฒนาระดับนานาชาติ ศูนย์กลางการเงิน และที่อยู่อาศัยชั้นดีสำหรับทุกกลุ่ม
พบว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ชะลอตัวทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า แต่หากเทียบรายไตรมาสพบว่า มีการฟื้นตัวบางส่วนจากแรงหนุนของมาตรการรัฐ อาทิ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ ประเภทร้อยละ 0.01 รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ทุกระดับราคา ในเชิงพื้นที่ จังหวัดระยองยังคงโดดเด่น โดยเป็นจังหวัดเดียวที่การโอนกรรมสิทธิ์ขยายตัว สะท้อนแรงขับเคลื่อนจากภาคอุตสาหกรรมและความต้องการแรงงาน ขณะที่ด้านอุปทานทั้งใบอนุญาตจัดสรรที่ดินและพื้นที่ก่อสร้างโดยรวมปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยเฉพาะ ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของตลาด อย่างไรก็ตามจังหวัดระยองยังคงมีการขยายตัวของพื้นที่ก่อสร้าง อย่างมีนัยสำคัญ ตอกย้ำบทบาทของจังหวัดในฐานะแหล่งลงทุนและการจ้างงานที่สำคัญของภูมิภาคตะวันออก โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ไตรมาส 2 ปี 2568 พบว่า ด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยลดลงทั้ง จำนวนหน่วยและมูลค่า โดยลดลงร้อยละ -7.4 และร้อยละ -8.4 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) การโอนกรรมสิทธิ์ได้รับผลบวกจากแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจของภาครัฐ ได้แก่ การลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองเหลือประเภทละร้อยละ 0.01 สำหรับที่อยู่อาศัยที่มีระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2568 เป็นต้นไป ทำให้จำนวนหน่วยและ มูลค่าเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2568 ส่วนอุปทานใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน มีจำนวนโครงการลดลงร้อยละ -7.7 และ จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -10.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สำหรับพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลงร้อยละ -0.3 โดยเป็นการลดลงของพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารชุดร้อยละ -23.7 แต่มีพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างแนวราบเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ครึ่งแรกปี 2568 พบว่า ด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย มีจำนวนหน่วย ลดลงร้อยละ -6.8 และมูลค่าลดลงร้อยละ -8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 หากพิจารณาแต่ละพื้นที่ พบว่า จังหวัดระยองเป็นเพียงจังหวัดเดียวในพื้นที่ EEC ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ร้อยละ 4.1 และร้อยละ 3.7 ตามลำดับ ส่งผลให้อุปทานพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลง ร้อยละ -11.6 แบ่งออกเป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวราบจำนวนประมาณ 1,478,692 ตารางเมตร ลดลงร้อยละ -11.0 และอาคารชุดจำนวนประมาณ 61,212 ตารางเมตร ลดลงร้อยละ-23.0 โดยพบว่า จังหวัดระยอง มีพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 อาจสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัย ของแรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ส่วนใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน มีจำนวนโครงการลดลงร้อยละ -22.9 และ จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -33.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยเป็นการจัดสรรประเภททาวน์เฮ้าส์มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40.2 และพบว่า จังหวัดชลบุรีมีใบอนุญาตจัดสรรมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.3 ของใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั้งหมด ภาพรวมอุปสงค์และอุปทานตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ในไตรมาส 2 ปี 2568 และครึ่งแรกปี 2568 มีสาระสำคัญดังนี้...
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่
E-book สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย EEC อื่นๆ