ทาวน์เฮาส์แรงแซงคอนโดไล่บี้สนั่นแนวรถไฟฟ้า
Loading

ทาวน์เฮาส์แรงแซงคอนโดไล่บี้สนั่นแนวรถไฟฟ้า

วันที่ : 14 มีนาคม 2562
จากมาตรการควบคุมสินเชื่อ LTV ของธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) รวมถึงดอกเบี้ยขาขึ้น อาจส่งผลต่อแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยตลอดทั้งปี 2562 ชะลอตัวทั้งด้านดีมานด์ มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ และจำนวนโครงการเปิดใหม่ โดยตามการคาดการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ระบุจะหดตัวลดลงประมาณ 5.3% ตลาดปรับสัดส่วนคอนโดฯ เกิดขึ้นน้อยลงหนีกำลังซื้อฝืด ขณะที่แนวราบถูกพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดหลัก กรุงเทพฯ ปริมณฑลจะเห็นภาพเปลี่ยนแปลงชัดเจน คาดโครงการแนวราบจะอยู่ที่จำนวน 4.6 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้น 2.1% ขณะที่คอนโดมิเนียมแม้ในปี 2561 มีหน่วยเปิดใหม่ 6.6 หมื่นหน่วย แต่ปีนี้จะลดลงจากปีก่อนเกือบ 10%
          จากมาตรการควบคุมสินเชื่อ LTV ของธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) รวมถึงดอกเบี้ยขาขึ้น อาจส่งผลต่อแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยตลอดทั้งปี 2562 ชะลอตัวทั้งด้านดีมานด์ มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ และจำนวนโครงการเปิดใหม่ โดยตามการคาดการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ระบุจะหดตัวลดลงประมาณ 5.3% ตลาดปรับสัดส่วนคอนโดฯ เกิดขึ้นน้อยลงหนีกำลังซื้อฝืด ขณะที่แนวราบถูกพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดหลัก กรุงเทพฯ ปริมณฑลจะเห็นภาพเปลี่ยนแปลงชัดเจน คาดโครงการแนวราบจะอยู่ที่จำนวน 4.6 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้น 2.1% ขณะที่คอนโดมิเนียมแม้ในปี 2561 มีหน่วยเปิดใหม่ 6.6 หมื่นหน่วย แต่ปีนี้จะลดลงจากปีก่อนเกือบ 10%

          สอดคล้องกับนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า ตลาดแนวราบปีนี้มีโอกาสเติบโตทั้งในตลาดกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ซื้ออยู่อาศัยจริง ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับกฎเกณฑ์ขอสินเชื่อใหม่ LTV ทำให้ผู้ประกอบการหันมาโฟกัสกลุ่มแนวราบมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าปีนี้กลุ่มบ้านจัดสรรของทั้งประเทศจะเป็นปีแรกที่มีหน่วยเปิดใหม่หรือยอดขายแซงหน้ากลุ่มคอนโดมิเนียมคอนโดฯ ประมาณ 5-10% ซึ่งแนวโน้มผู้ประกอบการก็เริ่มปรับตัวมาจับตลาดนี้เยอะขึ้น"

          นายอธิป กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ตลาดทาวน์เฮาส์เติบโตมากในปีนี้เนื่องมาจากแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ช่วยให้คนไม่จำเป็นต้องกระจุกอยู่คอนโดฯในเมือง หรือติดริมถนนอย่างในอดีต ขณะที่ราคาขายต่อตร.ม.มีความแตกต่างเกือบ 3 เท่าตัว ทั้งปัจจุบันรูปแบบทาวน์เฮาส์ ถูกเปลี่ยนโฉมให้ดูทันสมัย

          โดยเฉพาะตลาดใหญ่สุดระดับราคา 1.5-5 ล้านบาท ซึ่งโปรดักต์ที่จะปรับสัดส่วนให้ตลาดแนวราบวิ่งไล่คอนโดฯคือ กลุ่มทาวน์เฮาส์

          "กลุ่มบ้าน 1.5-5 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่ใหญ่มาก มีมาร์เก็ตแชร์เกินกว่า 50% โดยปีนี้บ้านเดี่ยวจะทรงๆ ตัว แต่ทาวน์เฮาส์จะเป็นตัวแทรก แย่งมาร์เก็ตแชร์ของไม่แออัด มีความน่าอยู่ขึ้นจึงได้รับความนิยมขึ้นต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ ค่ายศุภาลัย เป็น ตัวจุดประกายฉีกตลาดแนวราบ ทำเลใจกลางเมืองแนวรถไฟฟ้า โดยปีที่ผ่านมา เปิดโครงการบ้านแฝด และทาวน์โฮม ซอยลาดพร้าว 107 รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เฉพาะทาวน์โฮม พื้นที่ใช้สอย 108 ตร.ม.เริ่มต้น 3.99 ล้านบาทต่อหน่วย

          ขณะ บมจ.แผ่นดินทองพร็อพเพอร์ตี้ ในเครือ เฟเซอร์พร็อพเพอร์ตี้ประเทศไทย กลุ่ม ธุรกิจไทยเบฟ ก่อนหน้านี้เน้นบ้านเดี่ยวระดับบน แต่ภายใน1-2 ปีนี้ ได้ใช้ยุทธศาสตร์เปิดอาณาจักรมิกซ์ยูสย่าน สาทรเปิดโครงการ ทาวน์โฮมใหม่ โกลเด้นทาวน์สาทรเฟส 2 โดยมียอดจอง 1,161 ล้านบาท ซึ่งเป็นทำเลเดียวกับ คอนโดมิเนียมไฮเอนด์

          นอกจากนี้ยังมีทำเลแบริ่ง เปิดตัว โกลเด้นทาวน์สุขุมวิท-แบริ่ง ราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท 282 หน่วยและปิดการขายทั้งโครงการภายใน 2 วัน มูลค่า 1,061 ล้านบาท

          บมจ.ออลอินสไปร์ ขยายพอร์ต เปิดโครงการแนวราบครั้งแรก ชูกลยุทธ ทาวน์โฮมไซซ์ XL โครงการวิชั่นทำเลนวมินทร์ มีรถไฟฟ้าสีน้ำตาล ผ่าน ส่วนอีกเส้นทาง ลาดพร้าว 71 มีสายสีเหลืองผ่าน และเพียงวันเดียวมียอดจองกว่า 100 หน่วยจาก 308 หน่วย ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาทพื้นที่ใช้สอย 180-220 ตร.ม. หากเทียบกับบ้านเดี่ยวแล้วทาวน์โฮมของออลอินสไปร์มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าด้านค่ายพฤกษา เจ้าตลาดแนวราบเดิม กลับมาเน้นทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮมมากขึ้น โดยเฉพาะ แนวรถไฟฟ้า ทำเลชานเมือง เนื่องจากราคาที่ดินยังไม่สูงมาก

          สำหรับ ค่ายเอพี (ไทยแลนด์) ยังคงย้ำเป็นเบอร์ 1 ทาวน์โฮมในเมือง แนวรถไฟฟ้าเช่นกัน โดยครึ่งแรกของปี 2562 มีแผนเปิดทาวน์โฮม 11 โครงการ และต่อยอดทาวน์โฮม 3 ชั้น และการครองตำแหน่งผู้นำตลาดทาวน์โฮม 2 ชั้นในเมือง ผ่านแบรนด์ "พลีโน่"

          "ปีนี้บ้านเดี่ยวทรงๆตัว แต่ทาวน์เฮาส์จะเป็นตัวแทรก แย่งมาร์เก็ตแชร์คอนโดฯ ประมาณ 5-10%ประกอบการเริ่มปรับตัวจับตลาดนี้เยอะข้น"