ลดค่าโอน-ฟื้นอสังหา
Loading

ลดค่าโอน-ฟื้นอสังหา

วันที่ : 1 ธันวาคม 2562
ธอส.ประเมินลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน จดจำนอง ดันภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้พุ่งสูงคาดเพิ่มถึง 11% จากปี ที่แล้ว มูลค่าทะลุ 2.2 แสนล้านบาท เชื่อส่งผลกระทบเชิงบวกยาวต่อเนื่องถึงปี 2563 มั่นใจมีโครงการบ้าน-คอนโดฯ ราคา ไม่เกิน 3 ล้านเร่งเปิดตัวตั้งแต่ต้นปี เ
          ธอส.มั่นใจคาดโตยาวถึงปีหน้า

          ธอส.ประเมินลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน จดจำนอง ดันภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้พุ่งสูงคาดเพิ่มถึง 11% จากปี ที่แล้ว มูลค่าทะลุ 2.2 แสนล้านบาท เชื่อส่งผลกระทบเชิงบวกยาวต่อเนื่องถึงปี 2563 มั่นใจมีโครงการบ้าน-คอนโดฯ ราคา ไม่เกิน 3 ล้านเร่งเปิดตัวตั้งแต่ต้นปี เพราะปัจจัยบวกเพียบ ทั้งมาตรการลดหย่อน และดอกเบี้ยขาลง

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลจากมาตรการอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ทั้งลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน จดจำนอง เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัย ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และโครงการบ้านดีมีดาวน์ จะส่งผลดีต่อภาพรวมของตลาด ที่อยู่อาศัยในปี 2563

          อีกทั้งทำให้ตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยปรับตัวดีขึ้น จากเดิมประเมินว่าภาพรวมจะติดลบถึง 7.7% ในปี 2562 น่าจะลดลงจากปี 2561 ประมาณ 0.6% และมูลค่าคาดว่าลดลงประมาณ 2.2%

          สำหรับสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 3 ปี 2562 ยังเป็นช่วงเวลาที่ได้รับแรงส่ง หรือแรงสนับสนุนจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจดจำนอง บ้านในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มใหญ่คือโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการที่อยู่อาศัยในภูมิภาค และคอนโดมิเนียมในพื้นที่ปริมณฑล

          ทำให้หน่วยการโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 101,704 หน่วย เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปี 2561 และในเชิงมูลค่าการโอนก็เพิ่มขึ้น 12.4% อยู่ที่ 227,793 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท จำนวนมากถึง 16,179 หน่วย โดยอยู่ในพื้นที่ในกรุงเทพฯปริมณฑล รวม 13,984 หน่วย

          "ประมาณการว่าปี 2562 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ทุกประเภทรวม 112,044 หน่วย เป็นโครงการบ้านจัดสรร 46,010 หน่วย ลดลง 24.4% ส่วนคอนโดมิเนียมมีโครงการเปิดตัวใหม่ 66,034 หน่วย ลดลง 22.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน"

          นายวิชัยกล่าวอีกว่า ส่วนทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวไม่มากนัก หรือไม่เกิน 5% โครงการที่อยู่อาศัยใหม่จะเปิดตัวต่อเนื่องจากช่วงปลายปี เพื่อรองรับมาตรการรัฐบาล ด้านความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย คาดว่ายังขยายตัวได้ มีปัจจัยสำคัญคืออัตราดอกเบี้ยขาลง และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง รวมถึงโครงการบ้านดีมีดาวน์

          ส่งผลให้ปริมาณสินค้าในตลาดจะถูกทยอยดูดซับไป ขณะที่ ผู้ประกอบการยังคงต้องให้ความสำคัญกับการบริหารสินค้าที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จรอการขาย เพื่อให้ไม่มีสินค้าสร้างเสร็จค้างอยู่มากเกินไป ซึ่งภาพรวมทั่วประเทศ ครึ่งแรกปี 2563 คาดว่าที่อยู่อาศัยเหลือขายประมาณ 245,371 หน่วย