ธอส.เร่งเกาะติดลูกหนี้
Loading

ธอส.เร่งเกาะติดลูกหนี้

วันที่ : 11 ธันวาคม 2562
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เปิดเผยว่า ธอส.ได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลบริหารจัดการสินเชื่อของธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ที่ชำระไม่ตรง แต่ยังไม่กลายเป็นหนี้เสีย เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นหนี้เสียเต็มตัว
          นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เปิดเผยว่า ธอส.ได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลบริหารจัดการสินเชื่อของธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ที่ชำระไม่ตรง แต่ยังไม่กลายเป็นหนี้เสีย เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นหนี้เสียเต็มตัว เพราะปกติลูกค้า ธอส. จะเป็นลูกค้าเปราะบาง มีรายได้น้อยถึงปานกลาง จึงต้องเข้าไปดูแลเป็นรายคน รวมถึงมีการเก็บข้อมูลและประเมินเป็นรายวัน

          "ตอนนี้ธนาคารมีลูกหนี้ กลุ่มที่มีความสามารถ แต่เห็นสัญญาณการจ่ายไม่ตรงงวด จ่ายค่อมงวด แบ่งจ่าย ฉะนั้นต้องเข้าไปดู ซึ่งกลุ่มนี้มีสัดส่วน 6.7% ของสินเชื่อ 1.2 ล้านล้านบาท โดยไม่ถือว่าเยอะ เพราะเราดำเนินตามนโยบายของรัฐ ซึ่งกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเปราะบาง แต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย แต่จะดันขึ้นมาอยู่ชั้นลูกหนี้ปกติคงยาก ฉะนั้นจะต้องดูให้ไม่ไหลไปอยู่ชั้น 3 ให้ได้"

          ปัจจุบันธนาคารมีลูกหนี้ที่จ่ายไม่ตรง รวมกับลูกค้าที่เป็นหนี้เสีย ผิดนัดชำระเกิน 3 เดือน รวมกัน เป็น 10% กว่า ๆ ถือว่าเร่งตัว เพราะก่อนหน้านี้ ลูกหนี้กลุ่มนี้อยู่ที่ 4% กว่า ๆ ขณะที่เอ็นพีแอลปัจจุบันอยู่ที่ 4.6% ดังนั้น ธนาคารต้องเตรียมรับมือให้ดี ซึ่งธนาคารก็มีมาตรการเข้าไปปรับโครงสร้างหนี้ ให้เพื่อรับมือความไม่แน่นอนในอนาคต

          นายฉัตรชัยกล่าวว่า ทิศทางดอกเบี้ยปีหน้ายังเป็นช่วงขาลง หลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ส่งทิศทางลงอีก ประมาณ 0.25% ในไตรมาส 1 ปีหน้า ส่วนแนวโน้มการแข่งขันดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยในประเทศ ปัจจุบัน ธอส.ต่ำสุดในตลาด 2.5% ดังนั้นปีหน้า ไม่ควรลงมาถึง 2% เต็มที่ดอกเบี้ยน่าจะลดลงได้แค่ 0.25% เท่านั้น เพราะต้นทุนของแต่ละธนาคารจะลดไปถึง 2% ไม่ได้

          ส่วนแผนการระดมเงินฝาก ยังทำปกติ แต่การออกพันธบัตร ถ้าออกตอนนี้ ดอกเบี้ยขาลงก็ไม่คุ้ม ดังนั้นจึงจะออกสลากใบละ 50,000 บาทก่อน ไปอีก 3-5 หมื่นล้านบาทช่วงต้นปี เพื่อให้สอดคล้องกับสินเชื่อที่จะออกมาในต้นปีหน้า โดยหลักต้องออก 2-3 ปี ส่วนเป้าหมายสินเชื่อตั้งไว้โต 3% จากเป้าหมาย 203,000 ล้านบาท เป็น 209,000 ล้านบาท ส่วนหนี้เสียคาดลดลงได้ปีละ 0.15% ต่อปี สิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 4.35% ปี
 
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ