เรียลแอสเสทฯดีลซื้อคอนโดฯ-แนวราบดันพอร์ตโตหนุนเป้ารายได้5ปีแตะ4พันล.
Loading

เรียลแอสเสทฯดีลซื้อคอนโดฯ-แนวราบดันพอร์ตโตหนุนเป้ารายได้5ปีแตะ4พันล.

วันที่ : 29 มกราคม 2564
เรียลแอสเสทฯ เผย แผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,660 ล้านบาท
          นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2563 ทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงจากเดิม ซึ่งผู้ประกอบการมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจและเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป โดยเฉพาะโครงการกลุ่มคอนโดมิเนียม ส่งผลให้สต๊อกคงค้างในภาคธุรกิจอสังหาฯ ลดลงในระดับหนึ่ง ตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 รวมทั้งกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติลดลง และกลุ่มนักลงทุนที่เพิ่มหลักเกณฑ์ในการพิจารณาลงทุนมากขึ้น หรือชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ ส่งผล กระทบต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2564 ทำให้บริษัทฯ พิจารณาถึงความรอบคอบในการดำเนินงาน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทบทวนแผนงานรายเดือนและรักษากระแสเงินสด สร้างความมั่นคงของการดำเนินธุรกิจ

          ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทฯ พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 21 โครงการ มูลค่ารวม 30,500 ล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและจะเปิดขายในปีนี้รวมจำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท

          สำหรับแนวโน้มในปี 2564 ทางบริษัทฯ ยังคงมั่นใจในทำเล และสินค้าของโครงการที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ เน้นฐานลูกค้าเรียลดีมานด์เป็นหลัก โดยบริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,660 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,510 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ "เดอะ สเตจ มายด์สเคป รัชดา-ห้วยขวาง" มูลค่า 2,150 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท เปิดรอบ Online Booking วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563

          นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่เทกโอเวอร์ มาจาก บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรนด์ "MEGA Space 1&2" เป็นคอนโดฯ ไฮไรส์ จำนวน 2 อาคาร รวม 2,329 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท การลงทุน ดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนระดับ 18-19% หรือมีตัวเลขประมาณ 900 ล้านบาท

          ทั้งนี้ คาดว่า ในปี 2564 จะมียอดขาย 2,350 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% ตัวเลขยอดโอนจะสามารถทำได้ 2,970 ล้านบาท และจากการเข้าซื้อโครงการ (takeover) จะสามารถทำให้บริษัทโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าว่าในปี 2567 จะสามารถสร้างรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท และมี Backlog ทั้งหมด 5,660 ล้านบาทระหว่างปี 2564-2567

          "แนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ อาจจะไม่ใช่มีแต่การพัฒนาโครงการ แต่จะมีทั้งการเข้าซื้อโครงการ หากโครงการที่จะขายมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสด ไม่ว่าจะเป็นโครงการคอนโดฯ หรือโครงการแนวราบ เราก็จะเข้าไปซื้อ รวมถึงการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตร ทั้งนี้ ดีลการเข้าซื้อโครงการ อาจจะไม่มีขนาดใหญ่หรือมูลค่าสูงเท่ากับโครงการ "MEGA Space 1&2 คาดว่าครึ่งแรกของปีนี้ จะเห็นดีล หลุดออกมาเพิ่มเติม"
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ