วัสดุก่อสร้างเริ่มเห็นแสงปลายอุโมงค์ หลังดีมานด์เริ่มฟื้นตัวดันยอดขาย Q1 พุ่ง
Loading

วัสดุก่อสร้างเริ่มเห็นแสงปลายอุโมงค์ หลังดีมานด์เริ่มฟื้นตัวดันยอดขาย Q1 พุ่ง

วันที่ : 19 พฤษภาคม 2564
DRT ชี้ ทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้าง ปี 2564 เริ่มฟื้นตัว
          แนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างเริ่มสดใส หลังความต้องการเริ่มกลับมาขยายตัว DRT ชี้ ดีมานด์ลูกค้ากลุ่มโครงการ-ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างยุคใหม่ทยอยฟื้นตัว หนุนกำไรสุทธิไตรมาสแรกโต 16.50% CCP มองแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีแรกทรงตัว คาดเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีในช่วงครึ่งปีหลัง แย้มแผนครึ่งปีหลังมุ่งพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ เร่งประมูลงานเพิ่ม โปรเจกต์งานภาครัฐหนุน งานเอกชนมีแนวโน้มลงทุนต่อเนื่อง จากการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม TOA เผยดีมานด์การใช้สินค้าเติบโตทั้งในและต่างประเทศ หนุนไตรมาส 1 ยอดขาย-กำไรสุทธิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

          นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่าไตรมาส 1/64 มีรายได้รวม 1,331.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่  และมีกำไรสุทธิ 195.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.50% เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างของกลุ่มลูกค้าโครงการที่พัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และกลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ที่เดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่มีการเติบโตที่ดีเช่นกัน

          สำหรับภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 คาดว่าช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่และลูกค้าโครงการมีความต้องการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง แม้ระยะสั้นปัจจัยการแพร่ระบาด Covid-19 ระลอก 3 ส่งผลต่อบรรยากาศและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไปบ้าง แต่คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวดีหลังควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด หลังประชาชนทยอยรับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น

          แม้ในไตรมาสแรกของปีนี้จะเกิดปัจจัยลบการแพร่ระบาด Covid-19 แต่เราประสบความสำเร็จในการผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตได้ดีกว่าแผนที่วางไว้ ทั้งแง่ของรายได้และกำไรสุทธิ สะท้อนถึงขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดวัสดุก่อสร้างของตราเพชร ที่มีจุดแข็งด้านแบรนด์สินค้าและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมถึงช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมจึงสามารถตอบสนองกับดีมานด์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดียิ่งขึ้น" นายสาธิต กล่าว

          ด้านนายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP กล่าวว่า ไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 675.08 ล้านบาท ลดลง 42.26 ล้านบาท หรือลดลง 5.89% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 24.49 ล้านบาท ลดลง 44.40% ทั้งนี้ การลดลงของ รายได้รวมของกลุ่มบริษัท มีวสาเหตุจากผล กระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ประกอบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวลดลง

          อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ โดยเฉพาะงานก่อสร้างถนนของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท สำหรับการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมในเขตภาคตะวันออกและงานภาคเอกชนโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังคงทยอยเปิดโครงการใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวของโครงการพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC)

          จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากงานภาครัฐ 80% และงานภาคเอกชน 20% ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 1,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง โดยบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

          นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาสแรกปี 64 มียอดขาย 4,422 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 321 ล้านบาท และมีรายได้รวม 4,456 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 325 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินค้า TOA ที่ฟื้นตัวและเติบโตได้ดีทั้งในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายธุรกิจของ TOA ที่ครอบคลุมสินค้าและบริการแบบครบวงจร ตอกย้ำว่า TOA ไม่ได้มีแค่สีทาอาคาร แต่เรายังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่นๆ ที่เราเชี่ยวชาญทั้งผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง แผ่นยิปซัม และผลิตภัณฑ์กระเบื้องที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุนช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันพอร์ตสินค้าของ TOA มีความหลากหลายและสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

          นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายและระบบการให้บริการอย่างครบวงจร และเข้าถึงได้ง่าย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้ปรับตัวลดลง สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ ณ สิ้นเดือน มี.ค. 64 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 670 ล้านบาท สูงขึ้น 248 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน.
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ