พาณิชย์หารือภาครัฐ-เอกชนกำหนดแนวทางคิดค่า K งานก่อสร้าง
Loading

พาณิชย์หารือภาครัฐ-เอกชนกำหนดแนวทางคิดค่า K งานก่อสร้าง

วันที่ : 21 พฤษภาคม 2564
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เตรียมหารือภาครัฐและเอกชน ทบทวนแนวทางการกำหนดคิดค่า K งานก่อสร้าง
          กรมการค้าภายใน ดึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมหารือกำหนดแนวทางการคิดค่า K งานก่อสร้างภาครัฐ เพื่อบรรเทาผลกระทบราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น มอบสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดทำรายละเอียดก่อนนำเสนอสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลางพิจารณาต่อไป พร้อมช่วยผู้ประกอบการซื้อตรงจากผู้ผลิต ย้ำห้ามปรับขึ้นราคาเกินต้นทุน หากพบฉวยโอกาสเล่นงานหนัก

          ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง ความคืบหน้ากรณีอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง ต้องการให้มีการทบทวนแนวทางการกำหนดค่าตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของ ค่างาน (ค่า K) ของงานก่อสร้างภาครัฐ ว่า กรมการค้าภายใน ได้ประชุมหารือกับสำนัก งบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้าและสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ แล้ว

          โดยทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันในหลักการและเหตุผล จึงมีมติให้สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย จัดทำรายละเอียดข้อมูลว่าแนวทางการกำหนดค่า K และการคำนวณราคา กลางของหน่วยงานภาครัฐ ควรมีการทบทวนอย่างไร เพื่อเสนอให้สำนักงบประมาณ และกรม บัญชีกลาง พิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

          ทุกฝ่ายมีความเข้าใจที่ตรงกันในหลักการ และเหตุผลของการกำหนดค่า K ซึ่งเป็นการสร้างความเป็นธรรมต่อทั้งหน่วยงานภาครัฐ และผู้รับเหมาที่รับงานจากภาครัฐ ที่จะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเกินสมควร หากมีความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างแต่ละช่วงเวลา ตลอดจนรับทราบถึงวิธีการคำนวณและปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อค่า K ร.ต.จักรา กล่าว

          สำหรับสถานการณ์ราคาเหล็กในประเทศนั้น กรมการค้าภายใน ได้ขอให้ผู้ผลิตเหล็กตรึงราคาจำหน่ายไม่ให้มีการปรับราคาสูงขึ้นเกินกว่าต้นทุนที่แท้จริง และได้เชื่อมโยงให้กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างสั่งซื้อเหล็กจากผู้ผลิตเหล็กโดยตรง เพื่อลดต้นทุนด้านราคาลงส่วนหนึ่ง ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับเป็นผู้ประสานงานกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในเรื่องนี้แล้ว

          ในขณะเดียวกันกรมการค้าภายใน ได้สำรวจต้นทุนและราคาจำหน่ายเหล็กในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการติดตามและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาสูงขึ้นเกินกว่าต้นทุนที่แท้จริง โดยหากพบการจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการไม่ปิดป้ายแสดงราคาจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 หากพบเห็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด

          ร.ต.จักรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากราคาเหล็กที่ปรับสูงขึ้น จากนั้นกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ ได้ประชุมหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมผู้ผลิตเหล็ก จำนวน 7 ราย ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน สมาคมผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย สมาคมผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นไทย สมาคมผู้ผลิต ท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น สมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า สมาคมผู้ผลิต เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และสมาคมโลหะไทย เพื่อหาทางออกในประเด็นเหล็กมีราคาแพง
 
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ