ส่องตลาดที่อยู่อาศัย4จังหวัดภาคเหนือ ขายอืดหน่วยเหลือขายเพียบ!! 
Loading

ส่องตลาดที่อยู่อาศัย4จังหวัดภาคเหนือ ขายอืดหน่วยเหลือขายเพียบ!! 

วันที่ : 28 พฤษภาคม 2564
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ชี้ ตลาดอสังหาฯ เหนือซึมยาว เชียงใหม่ยอดขายวูบ 37% เหลืออีกกว่า 7,000 หน่วย
          ท่ามกลางความระอุของสถานการณ์โควิด-19 ที่ถาโถมเข้าใส่ประเทศไทยเป็นระลอกที่ 3 แล้วนั้น  ภาคธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผล กระทบอย่างต่อเนื่องก็จริง  แต่ในทางปฏิบัติยังคงต้องเดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพราะเชื่อว่าในวิกฤติย่อมต้องมีโอกาสเสมอ ทั้งอาจจะยังมีความต้องการซื้อส่วนหนึ่ง ซึ่งการมีข้อมูลสถิติเข้ามาช่วยจะทำให้การวิเคราะห์ทำเล การเลือกประเภทของโครงการที่จะพัฒนาให้ตรงกับความต้องการก็จะทำให้ทำโครงการได้ถูกต้อง การมีข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจจะไปหรือไม่ไปในจุดที่มีความเสี่ยง!!

          ซึ่งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้ทำการสำรวจโครงการที่อยู่ อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่ภาคเหนือ 4 จังหวัด ประกอบด้วย "จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก และตาก" โดยเป็นการสำรวจในช่วงครึ่งหลัง ปี 2563 ซึ่งเป็นการสำรวจโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด ที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย โดยในช่วงที่ทำการสำรวจ พบว่ามีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขาย ณ ครึ่งหลัง ปี 2563 (Total Supply) ทั้งหมด 407 โครงการ จำนวน 18,570 หน่วย มูลค่ารวม 68,112 ล้านบาท จำแนกเป็นโครงการบ้านจัดสรร 354 โครงการ 15,644 หน่วย มูลค่า 59,432 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 53 โครงการ 2,926 หน่วย มูลค่า 8,679 ล้านบาท ในจำนวน ดังกล่าวมีหน่วยเหลือขายจำนวน 16,499 หน่วย และใน ช่วงครึ่งหลังของปี 2563 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่จำนวน 2,071 หน่วย

          ต่อเรื่องนี้ "ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์" ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยถึงการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือ เริ่มจาก

          *จังหวัดเชียงใหม่ Total Supply  มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -4.4 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 10,955 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 8,560 หน่วย หรือร้อยละ 78.1 เป็นโครงการอาคารชุด 2,395 หน่วย หรือร้อยละ 21.9 และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 1,239 หน่วย มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -20.3 มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 1,454 หน่วย ซึ่งการขายได้ใหม่นี้มีอัตราลดลงถึงร้อยละ -37.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

          โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 9,501 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เมื่อจำแนกตามราคา พบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 3,383 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.6 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 2.01-3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 517 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.55

          สำหรับหน่วยเหลือขาย (Inventory) ในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 7,517 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 9,501 หน่วย และร้อยละ 79.1 เป็นโครงการบ้านจัดสรร มีการยื่นขอใบอนุญาตจัดสรรจำนวน ร้อยละ 4.3 ของประเทศ การขอใบอนุญาตปลูกสร้างแนวราบ พื้นที่เท่ากับ ร้อยละ 4.4 ของประเทศ จำนวน เท่ากับร้อยละ 4.0 ของประเทศ มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 3 ปี ที่ร้อยละ -7 การขออนุญาตปลูกสร้างอาคารชุด พื้นที่เท่ากับร้อยละ 0.9 ของประเทศ จำนวนหน่วยเท่ากับร้อยละ 0.9 ของประเทศ มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 3ปี ที่ร้อยละ 4 ส่วนการ โอนกรรมสิทธิ์ จำนวนหน่วยเท่ากับ ร้อยละ 3.1 ของประเทศ มูลค่าเท่ากับร้อยละ 2.7 ของประเทศ คอนโดฯถือครองโดยคนต่างชาติหน่วยเฉลี่ย 3 ปี ร้อยละ 0.6 มูลค่าเฉลี่ย 3 ปี ที่ร้อยละ 0.5

          10 อันดับทำเลที่สามารถขายบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม คือ สันทราย, แม่โจ้, สารภี, ท่ารั้ว-ดอยสะเก็ด, หางดงตอน บน, ในเมืองเชียงใหม่, บ่อสร้าง-ดอยสะเก็ด, สันป่าตองลันกำแพง ระดับราคาที่ขายดีคือ 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้าน บาท ทั้งนี้โครงการส่วนใหญ่ที่ขายได้เป็นแนวราบ ส่วนคอนโด มิเนียมมีสัดส่วนที่น้อยมากหรือบางทำเลไม่มีเหลือ

          ขณะที่ 10 อันดับทำเลของ Total Supply ประเภทบ้าน จัดสรรและอาคารชุด อยู่ที่ สันทราย, แม่โจ้, สารภี, ม.พายัพ, หางดงตอนล่าง, หางดงตอนบน, สันกำแพง, ในเมืองเชียงใหม่, บ่อสร้าง-ดอยสะเก็ดและแม่ริม ระดับราคาคือ 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท หากแยกเป็นอาคารชุด 5ทำเลที่มี Total Supply อยู่ที่หางดงตอนบน, ในเมืองเชียงใหม่, สันทราย, ม.พายัพ และสารภี ระดับราคา 2-3 ล้านบาทมากที่สุด ส่วนบ้านจัดสรร มีกระจาย Total Supply ใน 10 ทำเล คือ แม่โจ้, สันทราย, หางดงตอนล่าง, สารภี, สันกำแพง, ม.พายัพ, บ่อสร้าง- ดอยสะเก็ด, แม่ริม, ท่ารั้ว-ดอยสะเก็ดและหางดงตอนบน  ในระดับราคา 3-5 ล้านบาทมากที่สุด รองลงมาที่ 2-3 ล้านบาท หน่วยขายได้ใหม่กับอัตราการดูดซับทั้งบ้านจัดสรรและอาคารชุด จะอยู่ที่ทำเล สันทราย, สารภี, หางดงตอนบน, ในเมืองเชียงใหม่, แม่โจ้

          ปี 2564 ตลาดอสังหาฯของ เชียงใหม่ ยังคงมีภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ผลจาก COVID-19 ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ได้ทำให้ตลาดทั้งปี 2564 มีภาวะชะลอตัวเช่น เดียวกับปี 2563 ตลาดจะเริ่มฟื้ตัวครึ่งหลัง แต่ยังไม่ดีขึ้นมากต้องรอถึงปี 2565-2567 ถ้า Supply ใหม่ปรับตัวลงคาดว่า Supply เหลือขายจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2563 เพียงเล็กน้อย

          *จังหวัดเชียงราย Total Supply มีอัตราเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 10.9 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 3,337 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 3,268 หน่วย หรือร้อยละ 97.9 เป็นโครงการอาคารชุด 69 หน่วย หรือ ร้อยละ 2.1 และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 738 หน่วย มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -40.4 มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 437 หน่วย ซึ่งการขายได้ใหม่นี้มีอัตราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 46.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

          โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 2,900 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เมื่อจำแนกตามราคาพบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วง ระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 1,111 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.31 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 2.01- 3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 139 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31.8

          สำหรับหน่วยเหลือขาย (Inventory) ในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดเชียงราย มีจำนวนทั้งสิ้น 2,864 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 2,900 หน่วย และร้อยละ 98.8 เป็นโครงการบ้านจัดสรร โดยที่อยู่อาศัยบ้านจัดสรรและอาคารชุดที่เป็น New supply 10 ทำเลที่มีมากคือ สนามบิน-ม.แม่ฟ้าหลวง ,ในเมืองเชียงราย ,แม่สายและเชียงแสน  ในระดับราคา 3-5ล้านบาทมากที่สุดรองลงมาคือราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนTotal Supply บ้านจัดสรรและอาคารชุด ทำเลสูงสุด คือ สนามบิน-ม.แม่ฟ้าหลวง,ในเมืองเชียงราย,แม่สายและเชียงแสน ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท

          ปี 2564 ตลาดอสังหาฯของ เชียงราย ยังคงมีภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ผลจาก COVID-19 ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ได้ทำให้ตลาดทั้งปี 2564 มีภาวะชะลอตัวเช่นเดียวกับปี 2563 ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวครึ่งหลัง แต่ยังไม่ดีขึ้นมากต้อง รอถึงปี 2565-2567 ถ้า Supply ใหม่ปรับตัวลงคาดว่า Supply เหลือขายจะลดลง จากปี 2563

          *จังหวัดพิษณุโลก Total Supply มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 3.422 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 3,076 หน่วย หรือร้อยละ 89.9 เป็นโครงการอาคารชุด 346 หน่วย หรือร้อยละ 10.1  และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลัง ปี 2563 จำนวน เพียง 194 หน่วย ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการบ้านจัดสรร โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 สำหรับหน่วยขายได้ใหม่ มีจำนวน 142 หน่วย ซึ่งการขายได้ใหม่นี้มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน

          โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 3,280 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เมื่อจำแนกตามราคาพบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 1,171 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.70 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่ หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 60 หน่วย

          สำหรับหน่วยเหลือขาย (Inventory) ในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดพิษณุโลก มีจำนวนทั้งสิ้น 3,280 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 2,955 หน่วย และร้อยละ 90.1 เป็นโครงการบ้านจัดสรร โดย New supply ที่อยู่อาศัยเข้าใหม่ประเภท บ้านจัดสรรและอาคารชุด 10 ทำเลที่เกิดขึ้นคือ แม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก (ทะเลแก้ว), แม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก(มิตรภาพ), วัดจันทร์, หัวรอ, ม.นเรศวร, ในเมืองพิษณุโลกและบึงพระ ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท ส่วนอุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมด Total supply บ้านจัดสรรและอาคารชุด อยู่ในทำเล แม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก (ทะเลแก้ว), ในเมืองพิษณุโลก, หัวรอ, บึงพระ, ม.นเรศวร, วัดจันทร์และแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก (มิตรภาพ) ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท มีเป็นจำนวนมาก

          ปี 2564 ตลาดอสังหาฯของ พิษณุโลก ยังคงมีภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ผลจาก COVID-19 ช่วงครึ่งแรกของ ปี 2564 ได้ทำให้ตลาดทั้งปี 2564 มีภาวะชะลอตัวเช่นเดียวกับปี 2563 ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวครึ่งหลัง แต่ยังไม่ดีขึ้นมากต้อง รอถึงปี 2565-2567 ถ้า Supply ใหม่ปรับตัวลงคาดว่า Supply เหลือขายจะลดลง จากปี 2563

          *จังหวัดตาก Total Supply มีอัตราเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 10.6 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 856 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 740 หน่วย หรือร้อยละ 86.4 เป็นโครงการอาคารชุด 116 หน่วย หรือร้อยละ 13.6 และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 27 หน่วย มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -89.8 มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 38 หน่วย ซึ่งการขายได้ใหม่นี้มีอัตราเทียบเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน

          โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 818 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เมื่อ จำแนกตามราคาพบว่า หน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 1.51-2.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 290 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.45 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 2.01- 3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 17 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.07

          สำหรับหน่วยเหลือขาย (Inventory) ในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดตาก มีจำนวนทั้งสิ้น 856 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 740 หน่วย และร้อยละ 86.4 เป็นโครงการบ้านจัดสรร

          ปี 2564 ตลาดอสังหาฯของ ตาก ยังคงมีภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ผลจาก COVID-19 ได้ทำให้ตลาดทั้งปี 2564 มีภาวะชะลอตัวเช่นเดียวกับปี 2563