ธุรกิจอสังหาฯอีสานซบเซายาว
Loading

ธุรกิจอสังหาฯอีสานซบเซายาว

วันที่ : 12 มิถุนายน 2564
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาฯ อีสาน ครึ่งหลังปี63เหลือขายอื้อ4.3หมื่นล. - แนวโน้มปีนี้ไม่ฟื้นยังชะลอต่อเนื่อง
         
          ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยตลาดที่อยู่อาศัยภาคอีสานยังซบเซา ครึ่งปีหลัง 2563 มูลค่าหน่วยเหลือขายอื้อกว่า 4.3 หมื่นล้านบาท ขายได้แค่ 1.1 พันยูนิต ส่วนปีนี้คาดชะลอต่อเนื่อง

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้ทำการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และมหาสารคาม ในช่วงครึ่งหลังปี 2563 ซึ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด พบว่ามีจำนวนหน่วยที่อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 297 โครงการ จำนวน 13,500 หน่วย มูลค่ารวม 47,535 ล้านบาท โดยมีจำนวนเหลือขาย 12,365 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 43,350 ล้านบาท และขายได้ใหม่จำนวน 1,135 หน่วย มูลค่า 3,585 ล้านบาท เฉพาะที่นครราชสีมามีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2562 ติดลบ 10.4% จำนวนรวม 6,161 หน่วย และโครงการเปิดขายใหม่มีเพียง 607 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2562 ติดลบ 53% หรือมีอัตราขายใหม่ลดลง ติดลบ 18.6% โดยบ้านจัดสรรมีจำนวนเหลือขายมากถึง 71.8% ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด คือเหลือขาย 4,069 หน่วย จากจำนวนเหลือขายทั้งหมด 5,666 หน่วย

          นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับปีนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยนครราชสีมา ทิศทางยังชะลอตัวต่อเนื่อง ผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 คาดการณ์ว่าหน่วยเปิดใหม่ปีนี้จะมีจำนวน 1,684 หน่วย มูลค่า 5,352 ล้านบาท และมีหน่วยขายได้ 1,793 หน่วย มูลค่า 5,711 ล้านบาท ส่วนขอนแก่นมีอัตราขายลดลงเช่นกัน ติดลบ 1.4% จากปี 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,974 หน่วย ขายได้ใหม่จำนวน 346 หน่วย ติดลบ 20.5% จากปี 2562 และปีนี้ คาดว่าหน่วยเปิดใหม่จะมีจำนวน 982 หน่วย มูลค่า 3,117 ล้านบาท แต่คาดว่าจะขายได้รวม 1,156 หน่วย มูลค่า 3,310 ล้านบาท ที่อุดรธานี อัตราลดลง 13% จากปี 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,503 หน่วย มีหน่วยขายได้ใหม่ 143 หน่วย อัตราลดลง -19.2% ส่วนปีนี้คาดว่าจะเปิดขายใหม่ 255 หน่วย มูลค่า 1,504 ล้านบาท และขายได้รวม 432 หน่วย มูลค่า 1,289 ล้านบาท ส่วนอุบลราชธานีมีอัตราลดลง -22.9% มีจำนวน 1,129 หน่วย ส่วนปีนี้คาดว่ามีหน่วยเปิดใหม่ 270 หน่วย มูลค่า 868 ล้านบาท มีหน่วยขายรวม 375 หน่วย มูลค่า 1,080 ล้านบาท