ธปท.เดินหน้าแก้หนี้ครัวเรือน6พันล้าน
Loading

ธปท.เดินหน้าแก้หนี้ครัวเรือน6พันล้าน

วันที่ : 13 พฤษภาคม 2565
หนี้เสียที่ผ่านมาไม่ได้เพิ่มมากขึ้น จากการปรับโครงสร้างหนี้มีมาตรการต่างๆ และหลังจากนี้จะไม่ได้ขึ้นมาก แต่จะเป็นทยอยปรับเพิ่ม มั่นใจสถาบันการเงินสามารถจัดการได้
          จ่อออกมาตรการใหม่ช่วยเหลือ 'แม่ค้า-คนรายได้น้อย'

          ธนาคารแห่งประเทศไทย ปูพรมแก้หนี้ครัวเรือน เล็งออกมาตรการรอบใหม่ เจาะกลุ่มแม่ค้าและผู้มีรายได้น้อย แห่สมัครเข้าโครงการคลินิกแก้หนี้แล้ว 8 หมื่นบัญชี รวมมูลหนี้ 6,000 ล้านบาท จ่อตั้งศูนย์ข้อมูลรวมหนี้เกาะติดสถานการณ์

          นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน โดยจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมจากปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มแม่ค้า คนรายได้น้อยถึงปานกลาง เช่น การเสริมรายได้ให้คนไทย เป็นต้น เพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่รายได้ไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 และระหว่างนี้ต้องทำมาตรการปัจจุบันให้เกิดประสิทธิผล และเกิดรูปธรรม เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ และการรวมหนี้ เป็นต้น

          การแก้หนี้สินครัวเรือนมี 5 แนวทางคือ

          1.ให้ความรู้ความเข้าใจด้านการเงินกับประชาชน เริ่มต้นจากกลุ่มนักเรียนนักศึกษา

          2.สถาบันการเงินต้องมีความรับผิดชอบในการปล่อยสินเชื่อ และต้องดูความสามารถชำระหนี้ และเหลือเงินเพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ แม้หากชำระหนี้ได้แต่เหลือเงินใช้น้อย ก็จะไม่ทำให้การแก้หนี้เกิดความยั่งยืน โดยไม่ได้กำหนดว่าหนี้ต่อรายได้ หรือดีเอสอาร์จะต้องอยู่ที่เท่าไร แต่ธปท.ได้ให้คำนิยามเดียวกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินจะกำหนด

          3.ธปท.ต้องกำหนดนโยบายแก่สถาบันการเงินให้ช่วยเหลือลูกหนี้

          4.เมื่อเกิดปัญหาและต้องแก้ไข เช่น ปรับโครงสร้างหนี้ เมื่อหมดมาตรการพักหนี้ต้องกลับมาชำระหนี้เหมือนเดิม และจะมีกระบวนการไกล่เกลี่ย เจรจาลูกหนี้ก่อนที่จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี 

          5.การรวมศูนย์ข้อมูลลูกหนี้ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะมีหน่วยงานต่างๆ เช่น เครดิตบูโรแล้วก็ตาม และทุกวันนี้ข้อมูลลูกหนี้ยังกระจาย และล่าช้าในเรื่องการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งหากมีข้อมูลลูกหนี้ที่รวมศูนย์จะทำให้สถาบันการเงินเห็นข้อมูลได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อการปล่อยกู้แก่ลูกหนี้

          "หนี้เสียที่ผ่านมาไม่ได้เพิ่มมากขึ้น จากการปรับโครงสร้างหนี้มีมาตรการต่างๆ และหลังจากนี้จะไม่ได้ขึ้นมาก แต่จะเป็นทยอยปรับเพิ่ม มั่นใจสถาบันการเงินสามารถจัดการได้ ส่วนการร่วมทุนจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือเจวีเอเอ็มซี เริ่มทยอยเข้ามาหวังในปีนี้จะเกิดขึ้นได้"

          นางสุวัธนา รัศมีโรจน์วงศ์ ผู้บริหารโครงการคลินิกแก้หนี้ กล่าวว่า หลังจากปรับเงื่อนไขเปิดรับสมัครคนเข้าโครงการต้องเป็นหนี้ เอ็นพีแอลก่อนวันที่ 1 เม.ย.2565 จากเดิมก่อน 1 ต.ค.2564 ปรากฏว่ามีผู้สมัครเข้ามา 2-3 เท่าเพียงแค่ 1 สัปดาห์

          โดยขณะนี้อยู่ระหว่างคุยกับธปท.ขยายความช่วยเหลือลูกหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากมาตรการเดิม ทั้งนี้ก็มีวิธีทั้งรูปแบบการปรับโครงสร้างอาจมีความหลากหลายมากขึ้น ส่วนมาตรการการผ่อนระยะยาวก็ยังต้องศึกษา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้มาสมัครโครงการคลินิกแก้หนี้ จำนวน 2-3 แสนบัญชี ได้เข้าร่วมแล้ว จำนวน 8 หมื่นบัญชี คิดเป็นมูลหนี้กว่า 6,000 ล้านบาท ยังมีเอ็นพีแอลไม่เข้าโครงการอีกมาก เพราะเป็นคนที่จ่ายขั้นต่ำและเอ็นพีแอลหลัง 1 ต.ค.2564
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ