ภาคธุรกิจตลาดทุนวิเคราะห์ชัดเศรษฐกิจโลกฟื้นช้า-เงินเฟ้อฉุด
Loading

ภาคธุรกิจตลาดทุนวิเคราะห์ชัดเศรษฐกิจโลกฟื้นช้า-เงินเฟ้อฉุด

วันที่ : 27 พฤษภาคม 2565
เศรษฐกิจไทยจะยังไม่เจอวิกฤต คาดปีนี้ โตได้ 4.1% ส่วนปีหน้าคาดขยายตัว 5.8%
          นักวิเคราะห์ มองเศรษฐกิจโลกยังผันผวนฟื้นตัวช้า ชี้ อัตราเงินเฟ้อฉุด แต่คาดเศรษฐกิจไทย ยังโตได้ต่อเนื่อง 4.1% มองราคาทองคำภาพรวมยังขาขึ้น ชี้โอกาสดีทยอยเก็บสะสม

          ในงานเสวนาออนไลน์ หัวข้อ " Big change เงินเฟ้อดอกเบี้ย การท่องเที่ยวและการเมือง : นักวิเคราะห์จะปรับคาดการณ์อย่างไรในหุ้น ทอง กองทุนนอก" ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน IAA จัดขึ้น

          นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. โนมูระพัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังมีโอกาสฟื้นตัว แต่ตัวสินทรัพย์เสี่ยงจะผันผวนในเชิงลบ 15-25 % ขณะที่เศรษฐกิจไทย จีดีพีไทยไตรมาสแรกเติบโต 2.2% ดีกว่าที่คาด แต่ปัญหาสำคัญที่กำลังเผชิญคือเงินเฟ้อ ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้าต้องระมัดระวังเพราะตลาดยังคงผันผวน แต่ภาพรวมจะโตต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 การบริโภคโดยรวมจะดีขึ้น จากรีโอเพนนิ่งประกอบ แรงส่งจากอุตสาหกรรมการส่งออก และ ไม่โตแค่ปีนี้ แต่จะเติบโตยาวไปถึงปีหน้า ทั้งนี้ บล.โนมูระ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะยังไม่เจอวิกฤต คาดปีนี้ โตได้ 4.1% ส่วนปีหน้าคาดขยายตัว 5.8% แต่รอยต่อระยะสั้น ไตรมาส 2-3 อาจมีผันผวนบ้าง ส่วนอัตราดอกเบี้ย ครึ่งปีหลัง จะปรับขึ้นได้หรือไม่ มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ตรึง 0.5 อาจจะปรับขึ้น แต่อยู่ในระดับต่ำ และอาจไม่ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเหมือนสหรัฐ

          ขณะที่ นายณัฐพล คำถาเครือ นักกลยุทธ์อาวุโส บล. หยวนต้า (ประเทศไทย)จำกัด ระบุว่า ที่ผ่านมาแต่ละประเทศเผชิญปัญหาการระบาดโควิดไม่พร้อมกัน และฟื้นตัวไม่เท่ากัน จึงเกิดการแย่งชิงทรัพยากร ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้า หรือไม่ไปไหน กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายเร็วจากประเทศที่นโยการการเงินเข้มงวดไปยังประเทศที่ผ่อนคลายนโยบายการเงิน ส่งผลให้ประสิทธิภาพนโยบายการเงินจะถูกบั่นทอน ทำให้เงินเฟ้อยังคงทรงตัวในระดับสูง ความผันผวนในสิทรัพย์ลงทุนเพิ่มสูงขึ้น แต่ปัญหาทั้งหมดตลาดหุ้นซึมซับแล้วกว่าครึ่ง

          ส่วนค่าเงินเทียบกับตลาดเอเชีย ถือว่าค่าเงินอ่อนในระดับกลาง โดยปัญหาเงินเฟ้อจะกดดันถึงเดือนพค. ซึ่งจะมีการประกาศในเดือนมิถุนา จากนั้นจะค่อยๆ อ่อนตัวลง ส่วนหนี้ครัวเรือนของไทยยังมีอสังหาฯค้ำประกันเยอะ ขณะที่ธนาคารไทยยังแข็งแกร่ง คาดว่าน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

          ด้าน นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวถึงมุมมองการลงทุนทองคำว่า ราคาทองคำในต่างประเทศ ไม่ไปไหนตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่วนราคาทองคำในประเทศขึ้นมาแล้ว5 % สาเหตุหลักมาจากเงินบาทอ่อนค่า ทั้งนี้ Big change ที่เป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อการขึ้นลงของราคาทองคำ มาจาก4 ปัจจัยหลัก คือ เงินเฟ้อ ที่จะทำให้คนหันมาสะสมทองคำ ,อัตราดอกเบี้ย หากดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นต่อเนื่องจะกดดันราคาทองคำ ,มาตรการคิวอี ที่ลดลงจะทำให้ราคาทองคำลดลง และธนาคารกลางหลายปท.กำลังลดลทบาทการถือดอลลาร์

          ขณะที่ราคาทองคำในระยะสั้น ปรับตัวลดลง เพราะไม่สามารถเบรคไฮเดิมปีที่แล้วได้ ที่ 2075 เหรียญต่อออนซ์ ยังเป็นขาลง อย่างไรก็ตาม ภาพใหญ่ของราคาทองคำเป็นขาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2015 จุดที่เป็นแนวรับสำคัญปีนี้ 1780 เหรียญหากยังไม่หลุดมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แต่แนวสุดท้ายที่ไม่ควรหลุด คือ 1676 เหรียญต่อออนซ์ หรือที่ประมาณ 26,500 -27,000 บาทต่อ 1 บาททองคำ พร้อมแนะนำนักลงทุนใน 1พอร์ตควรมีทองคำ 5-10 % เพราะจะช่วยให้ผลตอบแทนดีขึ้น หรือ ลดความเสี่ยงหากเกิดวิกฤติ โดยหากยังไม่ทองคำในพอร์ต ขณะนี้เป็นโอกาสดีที่จะเก็บทองคำเนื่องจาก เทรนด์ใหญ่ของทองคำยังเป็นขาขึ้น โดยในโซนราคาทองคำต่ำ 1800 เหรียญต่อออนซ์ น่าจะทยอยสะสม หรือ 27000 บาท