อินเด็กซ์ ทุ่มพันล.ผุด THE CAVENTURE
Loading

อินเด็กซ์ ทุ่มพันล.ผุด THE CAVENTURE

วันที่ : 9 สิงหาคม 2565
ทั้งนี้ พร้อมเริ่มก่อสร้างในเดือน ส.ค. 65 นี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี2566 หรือทดลองเปิดให้บริการได้ในเดือนต.ค. ปีหน้า และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ในเดือนถัดไป คือ พ.ย. 2566
          ชูแลนด์มาร์ก13หมูป่าดูด นทท.ทั่วโลก

          อินเด็กซ์ ทุ่มงบพันล้าน เนรมิต โปรเจกต์ "The Caventure" รำลึกเหตุการณ์ 13 หมูป่า ภายใต้บริษัท ถ้ำหลวง ดิ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด ปั้นเป็นแลนด์มาร์กใหม่สู่การท่องเที่ยวระดับโลก คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการ พ.ย.ปีหน้า มั่นใจดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและทั่วโลกปีละ 5 แสนราย คิดเป็นมูลค่ารายได้ที่ 300 ล้านบาท หรือคุ้มทุนใน 3 ปี

          นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้รายได้หลักจากมาร์เกตติ้งเซอร์วิสหายไปค่อนข้างมาก บริษัทจึงหันมาให้ความสำคัญกับโอนโปรเจกต์มากขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ไว้ที่ 50% เท่าๆกันกับรายได้มาร์เกตติ้ง เซอร์วิส

          ล่าสุดบริษัทพร้อมทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท เนรมิต THE CAVENTURE ขึ้นมา ภายใต้ บริษัท ถ้ำหลวง ดิ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด ซึ่งทางอินเด็กซ์ถือหุ้น 60% และนักลงทุนในพื้นที่ถือหุ้นอีก 40% ทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 2 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 250 ล้านบาทในระยะต่อไป

          สำหรับ THE CAVENTURE เป็นการพัฒนาพื้นที่ ถ้ำหลวง เป็น Visitor Center แหล่งท่องเที่ยว ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบย้อนรอยเดียวกันกับผู้ประสบภัย 13 หมูป่า ได้รำลึก เรียนรู้ กับเหตุการณ์ความช่วยเหลือที่เกิดขึ้น โดยมีการออกแบบให้เป็นสถาปัตยกรรม ที่มีเอกลักษณ์ มีความโดดเด่น และเป็นที่จดจำ ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยว และรองรับแนวคิด Universal Design ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ของพื้นที่ท่องเที่ยวบริเวณ อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน บนพื้นที่ 20 ไร่ ตั้งอยู่บนโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมในจังหวัดเชียงราย

          ทั้งนี้ พร้อมเริ่มก่อสร้างในเดือน ส.ค. 65 นี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี2566 หรือทดลองเปิดให้บริการได้ในเดือนต.ค. ปีหน้า และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ในเดือนถัดไป คือ พ.ย. 2566 โดยมีราคาบัตรเข้าชมที่ 250 บาทต่อคน คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติตลอดทั้งปีกว่า 500,000 คน คิดเป็นมูลค่ารายได้กว่า 300 ล้านบาท หรือคุ้มทุนใน 3 ปี

          อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในการสร้าง THE CAVENTURE เป็นลักษณะของการเช่าที่ดิน สัญญาแบบ 15 ปี++ เช่นเดียวกับ ดิสเพลย์สิ่งของที่นำมาจัดแสดงภายใน THE CAVENTURE ที่ได้มาจาก 13 หมูป่าโดยตรง จากช่วงติดอยู่ในถ้ำ, เวิล์ดทัวร์ในหลายๆประเทศ เช่น อาร์เจนตินา และญี่ปุ่น ด้วยการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แบบ 5+5 ปี นอกจากนี้ยังมีสิ่งของจากกลุ่มทีมช่วยเหลือ ทั้ง Thai Navy SEAL และชาวบ้านละแวกนั้นมาจัดแสดงด้วย โดยภายใน THE CAVENTURE จะเน้นการสร้างประสบการณ์เสมือนจริง 2 รูปแบบ ให้กับผู้เข้าชมถึงช่วงเวลาที่ 13 หมูป่าติดอยู่ในถ้ำ คือ 1.จำลองตนเองเป็นกลุ่มที่ติดอยู่ในถ้ำ และ2.เป็นกลุ่มที่เข้าไปในถ้ำเพื่อช่วยเหลือ เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะใช้เวลา 1-1.30 ชม. เข้ามาเยี่ยมชมและทำกิจกรรมที่นี่และคาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 คน จากภาพรวมบริเวณอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน มีผู้มาท่องเที่ยวตั้งแต่ระดับพันถึงหมื่นคนต่อวัน

          "ในปี 2561 อินเด็กซ์พยายามมองหาโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยเน้นศึกษาตลาดท่องเที่ยวจังหวัดรอง ซึ่งคือจังหวัดเชียงราย ที่ช่วงเวลานั้นมีเหตุการณ์ 13 หมูป่าเกิดขึ้นมาด้วย อินเด็กซ์ก็ได้มองเห็นโอกาสเช่นเดียวกัน จึงเป็นที่มาของโปรเจกต์ THE CAVENTURE ในรูปแบบของ Visitor Center ซึ่งถือเป็นโอนโปรเจกต์ด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งที่ 2 ที่ลงทุนมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา หลังจากสร้างเฮดออฟฟิศ ที่สำคัญบริษัทวางเป็นธุรกิจสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้หลักให้อินเด็กซ์ต่อไปในอนาคต เพราะมองว่า THE CAVENTURE จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่จะดึดดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 13 หมูป่า ที่กลายเป็นเหตุการณ์ระดับ global issue ที่ทุกสำนักข่าวทั่วโลกเฝ้าติดตาม ผู้คน ทั่วโลกเอาใจช่วย และคนดังระดับโลกจากทุกวงการได้พากัน กล่าวถึง" นายเกรียงไกร กล่าว