เอสซีจี ไฮม์ โซลูชั่นครบวงจร รุกตลาด รีบิลด์ รับเทรนด์การใช้ชีวิตวิถีใหม่แบบไฮบริด
Loading

เอสซีจี ไฮม์ โซลูชั่นครบวงจร รุกตลาด รีบิลด์ รับเทรนด์การใช้ชีวิตวิถีใหม่แบบไฮบริด

วันที่ : 19 สิงหาคม 2565
เอสซีจี เผยว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดรีบิลด์ (re-built) ตลาดรับสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองมีแนวโน้มเติบโตกว่า 50% โดยการขยายตัวของตลาดนี้นับเป็นสัดส่วนสูงถึง 15% ของตลาดสร้างบ้านในภาพรวม
          นายวีระเดช โกวพัฒนกิจ ผู้จัดการการตลาด บริษัท เอสซีจี ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดย 3 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการ ตัดสินใจสร้างบ้านในยุคนี้คือ การบริการที่ครบวงจร คุณภาพการ อยู่อาศัยและสุขภาพของเจ้าของบ้าน รวมถึงสมาชิกในครอบครัวอีกทั้งการดีไซน์ ฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัย

          ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากขึ้น ทั้งด้านสุขภาพ สุขอนามัย และสร้างพื้นที่ความสุขในการอยู่อาศัยให้กับตัวเอง และครอบครัว ด้วยการมองหาสิ่งที่มาเติมเต็มชีวิต และหลีกหนีความวุ่นวายจากสังคมภายนอก

          ส่องโอกาสตลาด "รีบิลด์"

          ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดรีบิลด์ (re-built) ตลาดรับสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองมีแนวโน้มเติบโตกว่า 50% โดยการขยายตัวของตลาดนี้นับเป็นสัดส่วนสูงถึง 15% ของตลาดสร้างบ้านในภาพรวม ส่วนหนึ่งมาจากแผนของลูกค้าที่ต้องการสร้าง บ้านอยู่แล้ว เมื่อมีปัจจัยกระตุ้นต่างๆ เช่น ราคาวัสดุก่อสร้าง ราคาน้ำมัน นับเป็นตัวเร่งการตัดสินใจให้เร็วขึ้น

          ปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดรีบิลด์ขยายตัวยังมาจากที่ดินเริ่มหายากขึ้น โดยเฉพาะในทำเลกลางเมือง ทำให้ความต้องการส่วนหนึ่ง เข้าไปซื้อบ้านแล้วทำการรีบิลด์ เพื่อให้ได้บ้านสวยตรงใจบนทำเลที่ต้องการ ขณะที่อีกส่วนมาจากการส่งต่อบ้านพร้อมที่ดินจากรุ่น สู่รุ่นหรือทรัพย์สินมรดก ซึ่งอายุและโครงสร้างบ้านมีอายุหลายปี ทำให้มีข้อจำกัดหากมีการต่อเติม

          ผู้บริโภคมองหาบ้านที่ตอบโจทย์ชีวิตไฮบริด

          เมื่อโควิด-19 เข้ามาส่งผลให้ทุกคนใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น ทำงานที่บ้าน หรือเรียนที่บ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มองหานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ดีมานด์ในตลาดแนวราบรวมถึงตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวในช่วงที่ผ่านมา จากความต้องการพื้นที่ใช้สอยกว้างขึ้น และฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เหมาะกับสมาชิกในบ้านที่มีหลายช่วงวัย

          "สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงคือ ลูกค้าต้องการพื้นที่เอนกประสงค์ รองรับกิจกรรมของทุกคนในบ้าน รวมถึงปรับใช้เป็นห้องทำงานห้องเรียน ห้องสันทนาการที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ด้านนอก รวมถึง ต้องการให้มีห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุ โดย เอสซีจี ไฮม์ มี 150 แบบบ้าน ที่รองรับให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย เพราะการใช้ชีวิตวิถีใหม่ บ้านไม่ใช่พื้นที่อยู่อาศัยอย่างเดียว แต่เป็นพื้นที่ทำ กิจกรรม ทำงานสังสรรค์ ด้วยเหตุนี้พื้นที่บ้านจึงต้องใหญ่กว่าการ อยู่อาศัย และจากพื้นที่ที่ขยายก็ทำให้มูลค่าบ้านเพิ่มขึ้นด้วย

          นอกจากก่อสร้างบ้าน เอสซีจี ไฮม์ ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ดี ต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ซึ่งนับได้ว่าผู้บริโภค ให้การตอบรับ เป็นอย่างมากในการนำมาใช้ในบ้านปัจจุบัน ได้แก่ Air Tightness System การประกอบบ้านปิดช่องว่าง ทุกรอยต่อทั้งประตู หน้าต่างและผนัง และ Air Factory System ระบบหมุนเวียน อากาศพร้อมไส้กรอง 3 ชั้น ทำหน้าที่กรองอากาศจากภายนอกเข้าสู่บ้านเพื่อความสะอาดและลด กลิ่นรบกวนจากภายนอก นอกจากนี้ยังมีระบบไอออนไนเซอร์ (lonizer System) เทคโนโลยีกรองอากาศภายในบ้าน ด้วยการ ปล่อยไอออน (ion) อนุภาคไฟฟ้าประจุลบและบวกในอากาศ ที่สามารถช่วยลดปริมาณเชื้อรา สารฟอร์มาลดีไฮด์ ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นในอากาศก่อนนำเข้าสู่ภายในบ้าน

          ส่งมอบโซลูชั่นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

          นายวีระเดช กล่าวว่า ตลาดรีบิลด์ เป็นอีกโอกาสของเอสซีจีไฮม์ ในการส่งมอบบริการสร้างบ้านที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า ซึ่ง จะดำเนินการไปพร้อมกับการตอบโจทย์ความต้องการของคนที่เตรียมสร้างบ้านใหม่ในปีนี้และในอนาคต มาตรฐาน

          ที่เอสซีจีไฮม์ ยึดมั่นในการส่งมอบงานคุณภาพให้กับลูกค้ามาโดยตลอด คือ มาตรฐานงานก่อสร้างและ มาตรฐานงานบริการเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ในส่วนของโครงสร้างกว่า 80% แล้ว ด้าน "มาตรฐานงานก่อสร้าง บ้านเอสซีจี ไฮม์ ผลิตด้วย เสร็จที่โรงงาน จากนั้นแล้วนำมาประกอบที่หน้างานโดยใช้ระบบ Modular โดยระหว่างการผลิตจะมีระบบตรวจสอบคุณภาพใน โรงงานด้วยหุ่นยนต์ และเมื่อประกอบกับเทคโนโลยีเพื่อการ อยู่อาศัยทำให้มั่นใจได้ว่าบ้านที่ผลิตออกมานั้นจะสามารถป้องกัน ฝุ่น PM2.5 แบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ และเสียงรบกวนจากภายนอก

          โดยข้อดีของการก่อสร้างบ้านในระบบนี้ อยู่ที่การมีโครงสร้าง ที่แข็งแรง ระบบการดูแลรักษาที่ง่าย มีการรับประกันและบริการ ตรวจเช็คสภาพบ้านฟรีทุกหลังตลอด 20 ปี

          วงจรกับลูกค้า ตั้งแต่เดินเข้ามาติดต่อจนถึงพร้อมเข้าอยู่ ด้วย 7 "มาตรฐานงานบริการบ้านเอสซีจี ไฮม์ ให้บริการแบบครบ " ขั้นตอนการทำงานที่เป็นมาตรฐานมืออาชีพ ได้แก่

          1. ออกแบบบ้าน 2. เตรียมพื้นที่ก่อสร้าง 3. ผลิตโครงสร้างบ้านในโรงงาน 4. ทำ ฐานรากและระบบใต้บ้าน 5. ยกตั้งบ้านและติดตั้ง 6. งานวัสดุและพื้นผิว งานอาคารประกอบและงานตกแต่งภายใน) และ 7.ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนส่งมอบ

          ตอกย้ำแบรนด์ผู้นำนวัตกรรมสร้างบ้าน

          สำหรับ 3 แบบบ้านที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ได้แก่ 1. ULTIMATE 4-1 B พื้นที่ใช้สอย 449.6 ตร.ม. (ตารางเมตร) โดดเด่นด้วย Double volume ขนาดใหญ่ ทำให้ภายในโปร่ง โล่ง รู้สึกสบาย ทุกห้องจัดวางพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน ครบครันทุกการ ใช้งาน ราคา 24.3 ล้านบาท

          2. HARMONY 930 A บ้าน 2 ชั้น สไตล์ CONTEMPORARY พื้นที่ใช้สอย 298.4 ตร.ม. สำหรับครอบครัวขนาดกลาง ออกแบบ ให้ดูเรียบง่ายแต่สง่างาม ราคา 14.7 ล้านบาท

          และ 3. HARMONY 630 E พื้นที่ใช้สอย 351.0 ตร.ม. บ้าน สไตล์ NATURE โดดเด่นด้วยการเลือกใช้วัสดุที่กลมกลืนกับ ธรรมชาติ ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง รู้สึกสบายของผู้อยู่อาศัย ราคา17.9 ล้านบาท

          จากประสบการณ์กว่า 13 ปี เอสซีจี ไฮม์ สร้างการรับรู้แบรนด์ ผ่านการพัฒนาด้านคุณภาพงานก่อสร้างและบริการอย่างต่อ เนื่องเพื่อรองรับเทรนด์พฤติกรรมการอยู่อาศัย ใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป

          ครอบครัวใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ ที่กำลังมองหาบ้านแนวราบ "เอสซีจี ไฮม์ ขอเป็นตัวเลือกแรกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้ากลุ่ม หลังใหม่ และ สร้างบ้านหลังใหม่บนที่ดินเดิม หรือ รีบิลด์ ซึ่ง จนถึงวันนี้เราได้ส่งมอบบ้านคุณภาพให้กับลูกค้ามากกว่า 1,200 ครอบครัว" นายวีระเดช กล่าว
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ