MODERN โชว์แบ็กล็อก1.9พันล้าน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 5% ลุ้นเซ็นงานโครงการใหญ่
Loading

MODERN โชว์แบ็กล็อก1.9พันล้าน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 5% ลุ้นเซ็นงานโครงการใหญ่

วันที่ : 8 กันยายน 2566
MODERN เผยว่า ปี 2565 ที่มีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงมาก และเป็นปีที่อยู่ระหว่างการลงทุนทำให้มีค่าใช้จ่ายเข้ามา แต่ในปี 2566 ภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้น และเห็นได้ชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป
                   
         MODERN ตั้งเป้ารายได้จากการขายปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 5% หลังสินค้าหลายตัวขายดี ตุนแบ็กล็อก 1,800-1,900 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง เตรียมเซ็นงานโครงการขนาดใหญ่เพิ่ม เชื่อมาร์จิ้นครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก หลังได้รัฐบาลใหม่คาดภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น

         นายกิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้จากการขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 2565 ที่มีรายได้จากการขายรวม 2,400 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้จากการขายรวมแล้ว 1,200 ล้านบาท เนื่องจากช่องทางการขายของบริษัทเอง ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ สินค้าหลายเซกเมนต์ยังคงมีการเติบโต

          ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังมีการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือรอส่งมอบ (Backlog) มูลค่ากว่า 1,800-1,900 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแบ็กล็อกของ MODERN เปลี่ยนแปลงไปจากกอดีตที่อยู่ระดับ 2,500-3,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการสรุปปิดงานโครงการคอนโดมิเนียมมีระยะที่สั้นลง และที่สำคัญ MODERN สามารถรักษาฐานลูกค้าระดับกลาง-บนไว้ได้ดี  รวมทั้งยังอยู่ระหว่างเซ็นสัญญารับงานงานโครงการขนาดใหญ่ หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป

          “ปี 2565 ที่มีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงมาก และเป็นปีที่อยู่ระหว่างการลงทุนทำให้มีค่าใช้จ่ายเข้ามา แต่ในปี 2566 ภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้น และเห็นได้ชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ส่วนมุมมองความสามารถในการทำกำไรทั้งในส่วนงานลูกค้ากลุ่มรีเทล และกลุ่มโครงการ อัตรากำไรขั้นต้นที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 30% และอัตรากำไรสุทธิควรไม่ต่ำกว่า 5%” นายกิติพัฒก์ กล่าว

          สำหรับทิศทางแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 2566 จะดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากก่อนหน้านี้เศรษฐกิจค่อนข้างซบเซา แต่หลังจากได้รัฐบาลใหม่ภาพรวมทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่มองว่าการได้รัฐบาลดีกว่าไม่มีรัฐบาล เนื่องจากนักลงทุนทั้งนอก และในประเทศจะมีความเชื่อมั่นในการขยายธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัท และทุกภาคส่วน

          นอกจากนี้ปัจจัยเรื่องต้นทุนเหล็ก และไม้ ที่ผ่านมามีความผันผวนอย่างมาก แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อลดต้นทุน ความเหมาะสม ความสมดุล และมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจให้ได้มากที่สุด ด้านการลงทุนยังคงเดินหน้าผลักดันธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาให้เติบโตได้มากขึ้น เช่น MOTIF เป็นบริษัทลักซูรี่เฟอร์นิเจอร์ ที่เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 48.89% เป็นต้น รวมไปถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา

          ด้านโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ MODERN ปัจจุบันผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่องหลังโควิด-19 จบลง โดยมีผู้ป่วยชาวไทย และชาวต่างชาติขยายตัวชัดเจน
 
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ