กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%
Loading

กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%

วันที่ : 29 กันยายน 2566
ธปท. แถลงผลการประชุม กนง.ว่า กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปีจาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที โดย กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัว
          ค่าเงินอ่อนเห็นแน่ 37 บาทต่อดอลลาร์

          กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เตรียมรับมือนโยบายรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจมองแค่ดิจิทัลวอตเล็ต อย่างเดียวดันเศรษฐกิจปีหน้าโต 4% ยันดอกเบี้ยขณะนี้เหมาะสมยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นด้านเงินบาทอ่อนค่าต่ออีก รอบนี้เห็นแน่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปลายปีลุ้น 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

          นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) แถลงผลการประชุม กนง.ว่า กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปีจาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที โดย กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัว แม้จะขยายตัวชะลอลงในปีนี้จากภาคการส่งออกที่ลดลง โดยได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้จาก 3.6% ลงมาเหลือ 2.8% โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอลงจากภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดส่วนหนึ่งจากเศรษฐกิจจีนและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ฟื้นตัวช้า

          อย่างไรก็ตาม ธปท.ได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของปี 2567 จากเดิม 3.8% เพิ่มขึ้นเป็น 4.4% โดยส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องและภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว อีกทั้งจะได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ โดยนโยบายรัฐที่สำคัญที่ ธปท.ได้นำไปรวมแล้วในการประมาณการเศรษฐกิจปีหน้าแล้วคือ นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยเฉพาะดิจิทัล วอลเล็ตก็ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว 4% แล้ว

          ทั้งนี้ จากทิศทางนโยบายการเงินที่ต้องการดูแลให้ตลาดการเงิน และอัตราดอกเบี้ยกลับมาอยู่ในภาวะปกติ  กนง.ประเมินว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาจนถึงการประชุมครั้งนี้ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายและมีเวลาให้ดูแลหนี้ครัวเรือนรวมทั้งเสถียรภาพของระบบการเงินให้ดีขึ้นดังนั้นหากในระยะต่อไปเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวกลับเข้าสู่ระดับศักยภาพตามที่ ธปท.คาดไว้ ดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันก็จะเหมาะสมไปอีกระยะหนึ่งอย่างไรก็ตามนโยบายการเงินยังคงเป็นการจับตาปัจจัยที่จะเข้ากระทบเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะปรับไปตามสถานการณ์และความเหมาะสม

          ด้าน นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่า ในรอบนี้มีโอกาสเห็นที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น และพันธบัตรสหรัฐฯปรับขึ้นไม่หยุด เป็นผลจากเฟดยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนปรับลดดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินทั้งภูมิภาคอ่อนค่าลง และเงินบาทของไทยอ่อนค่าสุดในภูมิภาค ตามแรงเทขายพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจแหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้ในโครงการประชานิยมของรัฐบาลและสิ้นปีประเมินว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

          "ช่วงที่ กนง.ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 36.46 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมที่เคลื่อนไหว 36.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากนั้นอีกไม่นานค่าเงินก็กลับมาเคลื่อนไหวที่ 36.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หาก กนง.ไม่ขึ้นดอกเบี้ยค่าเงินบาทจะอ่อนค่าไปมากกว่านี้ และตลอดทั้งวันค่าเงินบาทอ่อนค่าสุด 36.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ"