ออมสิน - ธอส. จับมือเบรกขึ้นดอกเบี้ยกู้ 
Loading

ออมสิน - ธอส. จับมือเบรกขึ้นดอกเบี้ยกู้ 

วันที่ : 30 กันยายน 2566
ออมสิน - ธอส.ขานรับนโยบายรัฐบาล สั่งตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ดูแลลูกค้าให้นานที่สุด ด้านผู้ว่าฯ ธปท. ชี้ชัดเลิกขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ขึงไว้ 2.50% ต่อปี เตรียมพร้อมหารือนายกฯ
          รับลูกนโยบายรัฐบาล-ช่วยแบ่งเบาภาระประชาชน
         
          นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินได้รับนโยบายจากรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในช่วงทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2566 มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 2.50% ต่อปี โดยออมสินยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว

          ทั้งนี้ จะมีการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ 1.อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) 2.อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) และ 3.อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR)

          ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารจะพิจารณาจากภาวะตลาด หากมีทิศทางปรับขึ้น ธนาคารก็พร้อมที่จะแข่งขันกับตลาด

          "ได้รับนโยบายจากรัฐบาลมาแล้ว ธนาคารออมสินก็พร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ โดยการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ จะครอบคลุมลูกค้าที่ได้รับประโยชน์ทั้งสิ้นราว 6 ล้านราย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของธนาคารออมสินในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าหรือเท่ากับธนาคารพาณิชย์บางแห่ง"

          นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการ ผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ในระดับปัจจุบันต่อไปจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการชำระเงินงวดตามนโยบายรัฐบาลให้กับลูกค้าเงินกู้ในปัจจุบันของธนาคารที่มีอยู่จำนวน 1.79 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อคงค้างมากกว่า 1.66 ล้านล้านบาท และได้มีเวลาในการปรับตัวรับกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

          นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดที่ 2.50% นั้น เชื่อว่าคงจะอยู่ในระดับนี้ไปอีกสักพัก โดยระดับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถือว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่หากในระยะข้างหน้า มุมมองเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ กนง. ก็พร้อมที่จะ take action อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ไม่ยืนยันว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่

          ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นัดหารือในวันจันทร์ที่ 2 ต.ค.นี้ ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าจะเป็นการหารือในประเด็นใด แต่ก็พร้อมที่จะตอบทุกคำถาม ส่วนที่การนัดหารือครั้งนี้ จะเนื่องมาจากกรณีมีกระแสข่าวปลดผู้ว่าฯ ธปท. ก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น ผู้ว่าฯ ธปท.เพียงแค่หัวเราะ และปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
 
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ