อสังหาฯ ฮึดขายใหม่2-5รอบ
Loading

อสังหาฯ ฮึดขายใหม่2-5รอบ

วันที่ : 2 เมษายน 2567
อสังหาฯระยอง โอดลูกค้ากู้ไม่ผ่าน 50-80% แบงก์เข้มงวดสินเชื่อบวกกับดอกเบี้ยแพง ต้องนำขายใหม่ 2-5 รอบ
         รับสภาพผู้ซื้อกู้ไม่ผ่านพุ่ง50-80%

         ไฟแนนซ์เข้มรถยนต์ขายร่วง26%

         นายเปรมสรณ์ ศรีวิบูลย์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีพี เรียลเอสเตท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดระยองซบเซามากกว่าปี 2566 ปัจจัยหลักคืออัตราดอกเบี้ยแพง ทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจในการกู้ เพราะกลัวกู้ไม่ผ่าน และกู้ได้ไม่เต็ม 100% เพราะธนาคาร เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่มีปัญหามากสุด มีปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านสูงถึง 50-80% เพราะเป็นกลุ่มใหญ่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์จังหวัดระยอง โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 50%

        นายเปรมสรณ์กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอยู่ระหว่างการขาย 10 โครงการ รวม 200-300 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ขนาด 1-2 ชั้น ราคาตั้งแต่ 1.4-10 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่พัฒนามา 1-2 ปี แต่เนื่องจากมีลูกค้ากู้แบงก์ไม่ผ่าน 50-80% ทำให้การ

        ขายช้า เนื่องจากขายได้ แต่กู้ไม่ผ่าน จึงต้องนำมาขายใหม่ 2-5 รอบกว่าจะขายได้ในแต่ละหลัง ซึ่งเป็นบ้านกลุ่มต่ำ 3 ล้านบาทมากที่สุด ขณะที่ราคา 5 ล้านบาท ก็เริ่มขายยากขึ้นเหมือนกัน

      "ตอนนี้เรามีปัญหาลูกค้ากู้แบงก์ไม่ผ่านเยอะ หากมีพรีแอพปรู๊ฟแล้วอยู่ที่ 50% ถ้าไม่มีอยู่ที่ 80% ซึ่งคงทำอะไรไม่ได้ ต้องนำมาขายใหม่ จนกว่าจะขายได้ และรอแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยอย่างเดียว" นายเปรมสรณ์กล่าว

       นายเปรมสรณ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันต้องลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยในปี 2567 เน้นขายโครงการเก่า มีเปิดเพียง 1 โครงการ จำนวน 70 หลัง มูลค่า 200 กว่าล้านบาทในย่านบ้านค่าย ซึ่งการที่บริษัทตัดสินใจเปิด เนื่องจากเป็นแผนที่วางไว้เมื่อปี 2565 และซื้อที่ดินไว้แล้ว ซึ่งในขณะนั้นยังขายได้เรื่อยๆ ไม่มีปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านสูงเหมือนปัจจุบัน และการพัฒนาโครงการจะใช้เวลา 3-5 ปี จึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่โครงการเก่าขายหมดแล้ว

       ด้าน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีจำนวน 52,843 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 26.15% เพราะยอดขายรถกระบะและรถยนต์นั่งลดลง 43.2% และ 20.1% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อตามนโยบายการให้กู้แบบรับผิดชอบและหนี้ครัวเรือนสูง และยอดขายรถพีพีวีลดลง 47.6% จากการไปซื้อรถยนต์นั่งตรวจการณ์ที่เป็นเอชอีวีมากขึ้นเพราะราคาถูกกว่า รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศยังเติบโตในระดับต่ำ เพราะงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ล่าช้าไปถึงเดือนเมษายน ทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐลดลง ขณะที่ช่วง 2 เดือนของปี ตั้งแต่เดือนมกราคมกุมภาพันธ์ 2567 รถยนต์มียอดขาย 107,657 คัน ลดลง จากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกัน 21.49% เช่นกัน

       นายสุรพงษ์กล่าวว่า ด้านยอดการผลิตรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีทั้งสิ้น 133,690 คัน ลดลง 5.92% เพราะผลิตเพื่อส่งออกลดลงจากการผลิตรถกระบะลดลงเนื่องจากบางบริษัทขาดชิ้นส่วนบางชิ้น ขณะที่ผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงจากการผลิตรถยนต์นั่งลดลงเพราะถูกรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งและจากการผลิตรถกระบะลดลง เพราะยอดขายลดลงจากการเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ขณะที่การส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 88,720 คัน ลดลง 7.07%