TOA ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 5-8% ทุ่มลงทุนพันล้าน โบรกฯ คาด Q1 กำไรพุ่ง 671 ล้าน
Loading

TOA ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 5-8% ทุ่มลงทุนพันล้าน โบรกฯ คาด Q1 กำไรพุ่ง 671 ล้าน

วันที่ : 2 พฤษภาคม 2567
TOA เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการขายเติบโต 5-8% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้จากการขายรวมประมาณ 22,400 ล้านบาท
         
       TOA คาดจะมีรายได้จากการขายในปี 67 เติบโต 5-8% ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ลุยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดการใช้พลังงาน รวมถึงลงทุนด้านนวัตกรรม ขณะที่นำผลิตภัณฑ์ร่วมออกบูธใน "งานสถาปนิก'67" ครั้งที่ 36 วันที่ 30 เม.ย.-5 พ.ค. 67 พร้อมเปิดนโยบาย GREEN MISSION ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่งเติบโตสู่ปีที่ 60 ด้านโบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” เป้าราคา 30 บาท คาดไตรมาส 1/67 จะมีกำไร 671 ล้านบาท เติบโต 3%

        นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการขายเติบโต 5-8% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้จากการขายรวมประมาณ 22,400 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจหลัก (สี) มียอดขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ที่มียอดขายคิดเป็น 15% ของยอดขายรวม แม้จะมีปัจจัยกดดันหลายด้าน แต่ยังได้ธุรกิจอื่นเข้ามาเสริม ทั้งธุรกิจกระเบื้อง และธุรกิจยิปซั่ม โดยบริษัทวางงบลงทุนในปี 2567 ไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตและการลดการใช้พลังงาน รวมถึงการลงทุนด้านนวัตกรรม

         ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 น่าจะอยู่ในระดับทรงตัวจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปี 2566 ใกล้เคียงกับบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งที่ประเมินออกมา โดยบริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่ออนุมัติงบการเงินไตรมาส 1/2567 และประกาศงบฯ ประมาณวันที่ 14 พฤษภาคม 2567

         ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 บริษัทมองว่าผลการดำเนินงานน่าจะยังทรงตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยกดดันหลายด้าน เช่น ภาวะดอกเบี้ยที่ยังสูง เศรษฐกิจที่ยังนิ่ง ปัญหาหนี้ครัวเรือนภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือก่อสร้างที่ชะลอตัว เป็นต้น แต่ยังมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน เช่น การท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูง และตลาดการปรับปรุง (รีโนเวท) ที่ขยายตัวมากขึ้นหลังสงกรานต์ และการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายส่วนของรัฐบาล เป็นต้น ส่วนเรื่องการขึ้นค่าแรงจะกระทบน้อย เนื่องจากต้นทุน TOA ส่วนใหญ่เป็นต้นทุนของวัตถุดิบในการผลิต

         ดังนั้นจึงประเมินผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 จะยังทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 แต่จะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป เนื่องจากจะได้แรงหนุนจากงบประมาณประจำปี 2567 ที่เริ่มเบิกจ่าย ทำให้การใช้จ่ายในหลายโครงการขับเคลื่อน และภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือภาคการก่อสร้างน่าจะเห็นการฟื้นตัว บวกกับรัฐบาลน่าจะมีมาตรการ หรือนโยบายการสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เป็นต้น

         ส่วนประเด็นที่ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ได้ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ และได้ถือหุ้น TOA อยู่ 9% ถ้ากรณีคดีถึงที่สุดต้องถูกบังคับขายหุ้นนั้น มองว่าอีกยาวไกล เบื้องต้นอาจจะเป็น “ครอบครัวตั้งคารวคุณ” เข้าไปซื้อหุ้นทั้งจำนวนดังกล่าว ซึ่งจะเข้าไปในนามใครนั้นไม่สามารถตอบได้ หรืออาจมีการพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ ต่อไป

         นอกจากนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา TOA ได้เข้าร่วมออกบูธภายใน "งานสถาปนิก'67" มหกรรมแสดง เทคโนโลยีด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบ และสินค้านวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อการก่อสร้างยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 36 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 เมษายน ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2567  ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

         โดย  TOA  ได้นำผลิตภัณฑ์ หรือนวัตกรรมต่าง ๆ มาจัดแสดงให้กับผู้เข้าร่วม "งานสถาปนิก'67" ได้รับชม พร้อมได้เปิดแผนนโยบาย GREEN MISSION ตอกย้ำผู้นำเบอร์หนึ่งตลาดสีอาคารและวัสดุก่อสร้างครบวงจร ด้วยโรดแมปพิชิต Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (SDGs) ตามกรอบแนวคิด ESG

         ทั้งนี้ TOA ในฐานะผู้นำตลาดและภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตสีในประเทศไทยและอาเซียน โดยตลอดระยะเวลา 60 ปี  มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศไทย ที่ยกเลิกการใช้สารโลหะหนัก ปรอท ตะกั่ว ในสีทาอาคารได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี 1977 รวมทั้งการไม่หยุดพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมสีที่ปลอดภัย ใส่ใจต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

         ดร.ภาณุพงศ์ ภูทะวัง ผู้จัดการอาวุโส สายงานกลยุทธ์องค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน TOA กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมภายในบริษัทให้ได้ 50% ภายในปี 2030 (ปี 2573) หรือคิดเป็นมากกว่า 8,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) พร้อมตั้งเป้าหมายในการสร้างสิทธิที่เกิดจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานทดแทน การขนส่ง การจัดการของเสีย และการปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MTonCO2e) ภายในปี 2042 (ปี 2585)

         ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TOA ให้เป้าหมายราคาที่ 30 บาทต่อหุ้น โดย TOA มีเงินสดในมือสูง 7,700 ล้านบาท มีกระแสเงินในรูปกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สูง 4,300-4,800 ล้านบาท ในช่วงปี 2567-2569

         ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 ประเมินว่ากำไรจะทรงตัวในเกณฑ์ดี และ TOA จะประกาศผลการดำเนินงานในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 คาดว่าจะมีกำไรปกติที่ทรงตัวในเกณฑ์ดี  671 ล้านบาท เติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 1% จากไตรมาสก่อน  ถ้ารวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจะมีกำไรสุทธิ 721 ล้านบาท เติบโต 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 33% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานออกมาดี ได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2567  ที่อยู่ในเกณฑ์ดี 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 32.9% ตามการเพิ่มประสิทธิภาพ ในการจัดการด้านวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิต
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ