เปิดวิสัยทัศน์ "ยงยุทธ" กับแบรนด์ "สโคป" คอนโด Super Luxury มาตรฐานระดับโลก
วันที่ : 29 กรกฎาคม 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยข้อมูลบ้านและคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง กำลังเผชิญกับตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อในอัตราที่สูงขึ้น แต่สำหรับอสังหาริมทรัพย์ระดับบน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury หรือ Ultimate เซ็กเมนต์ กลับยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยข้อมูลบ้านและคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง กำลังเผชิญกับตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อในอัตราที่สูงขึ้น แต่สำหรับอสังหาริมทรัพย์ระดับบน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury หรือ Ultimate เซ็กเมนต์ กลับยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมือง ย่านโดยรอบศูนย์กลางเศรษฐกิจ (CBD) ของมหานครกรุงเทพฯ กลับมีความต้องการซื้อสูงจากผู้มีความมั่งคั่ง คนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกหลานเจ้าของกิจการ และตระกูลนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจของไทย รวมทั้งบรรดามหาเศรษฐี นักธุรกิจชาวต่างชาติต่างต้องการมี "บ้าน" บนทำเลทองใจกลางกรุงเทพมหานคร!!ที่ถือเป็นหนึ่งใน Global Property มหานครของโลก ที่เป็นหมุดหมายที่ผู้มีความมั่งคั่งนักธุรกิจชั้นนำของโลกต้องการมาใช้ชีวิต
"ทีมข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ "ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด ผู้คร่ำหวอดและได้รับการยอมรับในวงการอสังหาริมทรัพย์มามากกว่า 30 ปี ที่ปัจจุบันมุ่งเน้นพัฒนาเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ที่เป็น International Premium ได้ให้มุมมองถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับ Super Luxury ในปัจจุบันไว้น่าสนใจ
ต้องการซื้อคอนโดในเมืองเป็นบ้านหลังแรก
โดย "ยงยุทธ" เปิดการสนทนาว่าสำหรับผมมองเรื่องของ product เป็นสำคัญเพราะหลังวิกฤติโควิดผู้คนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปต้องการกลับไปอยู่บ้านเดี่ยวนอกเมืองเยอะขึ้นในช่วงแรก ทำให้ช่วงนั้นบ้านขายดี แต่พอทุกอย่างเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ธุรกิจเริ่มกลับมา ผู้คนใช้ชีวิตปกติ ความต้องการที่อยู่อาศัยของคนที่มีกำลังซื้อเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมจะลงทุนหรือซื้อคอนโดมิเนียมให้เป็นบ้านหลังที่2 โดยมีบ้านใหญ่อยู่นอกเมืองและมาอยู่คอนโดมิเนียมในเมือง ที่ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูกเพื่อพักในวันทำงานและกลับไปอยู่บ้านช่วงวันหยุด
แต่ปรากฏว่าเมื่อกลับไปอยู่บ้านนอกเมืองแล้วมีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างหายไป โดยเฉพาะเรื่องไลฟ์สไตล์ อาหารการกิน สถานบันเทิงและคอมมูนิตี้ที่ไม่หลากหลายเหมือนในเมือง ที่สำคัญคือการเดินทางที่ยังต้องใช้เวลานาน จึงพบว่าคนรุ่นใหม่นักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในเมืองเป็น "บ้านหลังแรก" ที่เป็นที่อยู่อาศัยระยะยาวได้จริงๆ
อันนี้คือสิ่งที่แปลกใหม่จากเดิมที่จะเห็นคอนโดฯในเมืองห้องเดี่ยวขนาด 27 หรือ 30-35 ตารางเมตร ขายดีเป็นที่ต้องการ แต่ปัจจุบันมีความต้องการคอนโดฯที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นมี 2-3 ห้องนอน อยู่เป็นครอบครัวได้และมีพื้นที่ส่วนกลางที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตที่หลากหลายรูปแบบ และผู้บริโภคจะยอมจ่ายเพื่อซื้อ "บ้านหลังแรก" ในงบหรือราคาที่สูงขึ้น ทำให้ Product คอนโดฯ เปลี่ยนไป โดยต้องตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตสมัยใหม่
"คอนโดมิเนียมยังถือเป็นการลงทุนที่ดี สามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้แต่มีข้อจำกัดว่าต้องมีโลเกชันดี ใกล้โรงเรียนมหาวิทยาลัยใกล้ที่ทำงานหรืออยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ(CBD)จะสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาสูงหรือหากขายต่อราคาก็ไม่ตกแต่มีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้นจากราคาที่สูงขึ้น"
"ยงยุทธ"ยกตัวอย่างโครงการ "สโคปทองหล่อ" ที่อยู่กลางเมืองบนถนนสุขุมวิทระหว่างสุขุมวิทซอย 38 ถึง 36 ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ ที่สร้างเป็นตึกสูง 32 ชั้น ความพิเศษของ "สโคปทองหล่อ" คือมียูนิตที่ขายเพียง 18 ชั้น หรือ 18 ยูนิตเท่านั้น หรือ 1 ฟลอร์ต่อ 1 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด มีบริการลิฟต์ส่วนตัวห้องละ 2 ตัว เราขายความเอกซ์คลูซีฟในราคาเริ่มต้นเพียง 200 ล้านบาทต่อยูนิต
โดยชั้น 1 ถึงชั้น 9 และชั้นบนสุดของโครงการ พัฒนาเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด โดยมีการออกแบบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่พิเศษสุด ชนิดหาที่ไหนไม่ได้ วัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียมครบถ้วนของการใช้ชีวิตแบบ Luxury ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวและวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งสร้างความสะดวกสบายให้กับการอยู่อาศัยร่วมของคนในครอบครัวที่ต่างเจนต่างวัยได้อีกด้วย
สร้าง International Premium รองรับต่างชาติ
"ยงยุทธ" ยังกล่าวถึงความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระดับ Hi-end ของนักธุรกิจชาวต่างชาติว่า ต่างชาติที่เข้ามามีหลากหลายเชื้อชาติ สิ่งที่เราต้องทำคือการยกระดับมาตรฐานการออกแบบการก่อสร้าง วัสดุตกแต่งต่างๆที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งสอดคล้องกับ DNA ของความเป็น "สโคป" อยู่แล้ว ที่ต้องการกลุ่มเป้าหมายที่เป็น International Premium เพื่อให้มีที่ยืนในตลาดหรือในเวทีระดับโลก
อย่างโครงการ "สโคปหลังสวน" (SCOPE Langsuan) ซึ่งตั้งอยู่บนโลเกชันที่แพงที่สุดในประเทศไทย อยู่ใจกลางCBD ย่านธุรกิจชั้นนำบนหัวมุมถนนหลังสวนด้านถนนสุขุมวิท ใกล้ห้างหรูเซ็นทรัลชิดลมและสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม ที่รายล้อมรอบด้วยโรงแรมระดับ 5-6 ดาว และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้ง Central Embassy และ Siam Paragon
ที่สำคัญ "สโคป หลังสวน" ตั้งอยู่บนที่ดินผืนที่ดีที่สุด ที่เป็น free hold ที่มีอยู่ไม่กี่ผืนบนถนนหลังสวน และแทบไม่มีเหลือแล้วดังนั้นราคาที่ดินจึงมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยจากสถิติราคาที่ดินทำเลทองย่าน CBD บนถนนสุขุมวิทและบริเวณใกล้เคียงโดยรอบย้อนหลัง 10-20 ปีที่ผ่านมา ราคาประเมินและราคาซื้อขายขยับขึ้นทุกปี!!
"ยงยุทธ"บอกว่า นอกจากนี้ขนาดของห้องที่ "สโคป หลังสวน" จะไม่เหมือนที่อื่น เน้นเป็นขนาด International standard ที่ห้องแบบ 1 ห้องนอน มีเนื้อที่เริ่มต้นที่ 84 ตารางเมตรต่อยูนิต ขายในราคา 40-50 ล้านบาท และขนาด 2 ห้องนอน มีเนื้อที่เริ่มต้น 154 ตารางเมตร ราคา 80-100 ล้านบาท เราจับตลาดบน ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดของโครงการ โดยทุกห้องมีลิฟต์ขึ้น-ลงส่วนตัว ขณะที่ภายในห้องยังโปร่งสบายด้วยเพดานสูงจากพื้นมากกว่า 3.5 เมตร ให้ความโอ่อ่าในแง่ของสเปซสามารถเทกวิวพาโนรามาของกรุงเทพมหานครได้อย่างเต็มที่
"สโคป หลังสวน" ยังเป็นคอนโดฯหรูดีไซน์ระดับโลกที่ได้ "โทมัสยูล-ฮันเซน" ดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก ซึ่งเป็นผู้ออกแบบคอนโดฯที่แพงที่สุดของเมืองนิวยอร์ก มาเป็นที่ปรึกษาออกแบบโครงการทั้งภายนอกและภายในทำให้ห้องชุดในโครงการนี้เปรียบเหมือนงานศิลปะที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นตามกาลเวลา โดย "สโคปหลังสวน" เป็นผลงานที่ดีที่สุดงานหนึ่งของโทมัส ยูล-ฮันเซน เพราะโดดเด่นด้วยความประณีตทั้งด้านดีไซน์ฟังก์ชันและการคัดสรรองค์ประกอบ สมฐานะความเป็นโครงการระดับ Crown Jewel สะท้อนไลฟ์สไตล์และรสนิยมความหรูหราของผู้อาศัย
นอกจากนี้ยังมอบพื้นที่ส่วนกลางที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้าน และมีการบริการเหมือนโรงแรมระดับ 5-6 ดาว จากพนักงานตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้กว่า 70% ของโครงการ "สโคปหลังสวน" ขายได้หมดแล้ว ซึ่งมีตระกูลนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงชาวไทย และต่างชาติเข้ามาเป็นลูกบ้าน
ล่าสุด "สโคปหลังสวน" ได้สร้างสถิติเคาะราคาขายห้อง'เพนต์เฮาส์'ระดับ ULTIMATE CLASS ขนาด 436 ตารางเมตร(ตร.ม.) ไปในราคา 436 ล้านบาท หรือราคาต่อ ตร.ม.เฉียด 1,000,000 บาท ให้กับเศรษฐีนักธุรกิจต่างชาติซึ่งน่าจะเป็นเพนต์เฮาส์ที่ราคาต่อตารางเมตรแพงที่สุดในประเทศไทย!!
โลเกชันดี-ออกแบบดี-บริหารดี
เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ระดับ Super Luxury กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการพัฒนา "สโคป หลังสวน" คือ "โลเกชันดี ออกแบบดี บริหารดี" ซึ่ง "สโคปหลังสวน" นอกจากมีโลเกชันอยู่ใจกลาง CBD และการทุ่มเทจ้างสุดยอดนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ภายหลังจากที่ลูกค้าหรือลูกบ้านเข้ามาอยู่อาศัยแล้ว
เราจึงมีบริษัท 'ACQUA' ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เหมือนนิติบุคคลเข้ามาบริหารจัดการโครงการที่เป็นแบรนด์ของ"สโคป"เองเพราะปกติโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างจากโรงแรมโรงแรมมีเจ้าของดูแลให้ได้มาตรฐาน แต่คอนโดมิเนียมขายไปแล้วไม่ได้ถูกบริหารโดยดีเวลลอปเปอร์หรือผู้พัฒนาโครงการ แต่สิ่งที่เราต้องการคือการบริหารจัดการ การดูแลโครงการ ให้มีมาตรฐานระดับ Luxury ตามที่เราได้โฆษณาไว้ เพราะอย่าลืมว่าลูกค้ามาซื้อโครงการเพราะสิ่งที่เรานำเสนอให้บริการเหล่านี้ด้วย
"เรากำลังเปลี่ยนเทรนด์ผู้อยู่อาศัย สิ่งที่เราคิดคือการอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย ดังนั้นพื้นที่ส่วนกลางและการให้บริการจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากการออกแบบตกแต่งอย่างมีรสนิยมด้วยดีไซน์จากสถาปนิกระดับโลกและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว"
บริการส่วนกลางระดับ 6 ดาว 24 ชั่วโมง
พื้นที่ส่วนกลางยังเพียบพร้อมไปด้วยพื้นที่ที่สร้างความสุขตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตระดับลักชัวรีที่ดีที่สุดของลูกบ้านในทุกมิติ นอกจากมีห้อง Fitness สระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า และห้องออนเซนส่วนตัวแล้วยังมีห้องสันทนาการ โรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่ใช้เครื่องเสียงชั้นดี รับแขกได้ถึง 25 คน มีห้องซ้อมดนตรี ห้องพักผ่อน ห้องรับแขก ที่มีเครื่องทำกาแฟที่มีชื่อเสียงและมาตรฐานดีที่สุดในโลกไว้ให้บริการ มีห้องจัดเลี้ยง ไวน์เซลลาร์ และห้องประชุม ที่สามารถทำงานหรือนัดหมายมาเจรจาธุรกิจกันได้ตลอดเวลา โดยมี ConciergeService ที่คอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก (Housekeeping) อาทิตย์ละ 3 ครั้ง จากพนักงานประจำของเราที่ผ่านการฝึกฝนและอบรมมาอย่างดี ไม่ต้องมีแม่บ้านจากข้างนอกเข้ามา เพื่อความปลอดภัย และยังมี Zone ให้บริการสำหรับสัตว์เลี้ยงมีคนรับฝากดูแลอาบน้ำ ตัดขนสัตว์เลี้ยงที่เป็นมืออาชีพ รวมทั้งมีห้องเก็บของไพรเวท ให้ลูกบ้านไว้ให้บริการด้วยนอกจากนี้ยังมีบริการ valet parking service ให้กับลูกบ้าน จากพนักงานที่มีความเป็นมืออาชีพดูแลลูกค้าระดับวีไอพี ทั้งหมดนี้มีพนักงานพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
"ยงยุทธ" บอกว่าเรา "นำปัญหาของลูกค้ามาเป็นปัญหาของเรา" เพื่อแก้ปัญหาและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน ทำให้ลูกบ้านอยู่อย่างมีความสุขและสบายใจ จากสโลแกน Life at its Finest จะทำอะไรก็ทำให้ Finest ดีที่สุดเรามีระบบเข้ามาบริหารจัดการออกแบบการอยู่ การกิน การพักผ่อน การทำงาน ให้ดีที่สุด Luxury ที่สุดเพื่อให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอยู่ในนี้ได้อย่างมีความสุขและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการอยู่อาศัย
เรียลเอสเตทที่ดี ยิ่งยาวยิ่งมีกำไร!!
"ยงยุทธ" ยังเล่าถึงสาเหตุที่เขาทุ่มเทให้กับการพัฒนาโครงการ "สโคป หลังสวน" โดยยอมทุ่มให้ราคาประมูลที่ดินผืนนี้ ด้วยราคาสูงถึงตารางวาละ 3 ล้านบาท เพราะว่าสโคป คือซุปเปอร์ลักชัวรี ที่ผืนงามอย่างนี้ปัจจุบันหายากและไม่มีอีกแล้ว ทำให้เรามั่นใจว่ามูลค่าราคาที่ดินจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆส่งผลให้มูลค่าของคอนโดฯ"สโคป หลังสวน" มีโอกาสสูงขึ้นตามไปด้วย
ราคาที่ดินบนถนนสุขุมวิทขยับสูงขึ้นทุกปี หลังการซื้อขายที่ดินของสถานทูตอังกฤษย่านเพลินจิตที่เคาะราคาขายกันตารางวาละ 1 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ว่าเป็นราคาซื้อขายที่สูงที่สุด แต่มาวันนี้ราคาที่ดินในย่านนี้ โดยเฉพาะตั้งแต่ "หลังสวน-ชิดลม-ถนนวิทยุ" ราคาวิ่งขึ้นมา เฉลี่ยอยู่ที่ตารางวาละ 2ล้านบาทแล้ว โดยเฉพาะบนถนนหลังสวน ราคาขึ้นไปกว่า 3 ล้านบาท ต่อตารางวา ที่สำคัญแทบไม่เหลือที่ดินผืนงามให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หยิบมาพัฒนาได้อีกแล้วทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ถือเป็น Rare item!! ทำให้เราทุ่มลงทุนสร้างคอนโดฯระดับ Super Luxury ได้อย่างเต็มที่ และสามารถเสนอขายได้ในราคาคุ้มค่าสมราคา เพราะเป็นที่ต้องการสูง ทำให้มูลค่าโครงการมีโอกาสขยับขึ้นได้อีกทุกปี
เห็นได้จากตอนเริ่มเปิดขายโครงการ "สโคป หลังสวน" วันแรกราคาขายเฉลี่ยอยู่ตารางเมตรละ 490,000 บาท แต่ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตารางเมตรละ 650,000 บาทขึ้นไป และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังพบว่านอกจากการซื้อเพื่อเป็นบ้านอยู่อาศัยแล้ว ยังมีการซื้อเพื่อการลงทุน และปล่อยเช่าในห้องที่มีขนาด 2 ห้องนอนขึ้นไป ซึ่งถือเป็นขนาดที่ได้รับความนิยมมาก
"ตลาดลักชัวรีเหมือนแฟชั่นแบรนด์ไฮเอนด์เราขายของให้กับคนที่มีความต้องการ มีความสามารถจ่ายได้ในราคาสูง ดังนั้นของที่ออกมาก็ต้องมีเป้าหมายกับผู้ซื้อ ที่ต้องการอินเตอร์เนชันแนลพรีเมียมเราทำการบ้านเยอะเห็นโอกาสของโลเกชันตรงนี้ ทำให้ยอมซื้อที่ดินในราคาสูง และลงทุนจ้างที่ปรึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ออกแบบทั้งภายนอกและภายใน เพราะมั่นใจว่าโลเกชันสร้างราคาขึ้นไปได้เรามีความพร้อมที่สุดทั้งโลเกชัน การออกแบบและบริการที่ Super Luxury ที่สุด มันคือดีเอ็นเอของสโคปโดยเฉพาะ เพราะเราอยากมีที่ยืนบนเวทีโลกที่ต้องทำให้ "the longer, the better" เรียลเอสเตทที่ดียิ่งยาว ยิ่งมีกำไร!!" ยงยุทธทิ้งท้าย
ตอกย้ำคำกล่าวของ โทมัส ยูล-ฮันเซน เคยให้สัมภาษณ์กับ the cloud ว่า"ผมไม่เคยมาเมืองไทยมาก่อน นั่นทำให้ผมต้องทำการบ้านถึงสิ่งที่คนไทยต้องการ และผมก็พบว่าความต้องการของคนไทยเป็นเรื่องเดียวกับที่คนนิวยอร์กหรือคนลอนดอนต้องการ
และวิสัยทัศน์ของคุณยงยุทธที่กระตุ้นให้ผมและทีมงานทำสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากลูกค้าโครงการอื่น ที่เน้นประหยัดงบ ผลที่เกิดขึ้นก็คือโครงการนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ ซึ่งสูงสุดเท่าที่ผมเคยทำงานมา สูงกว่าหลายเจ้าที่เคยทำในนิวยอร์ก เมื่ออาคารแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ ไม่เพียงแค่ในกรุงเทพฯแต่กับวงการคอนโดมิเนียมทั่วโลก ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ สู่การตระหนักในการสร้างคุณภาพชีวิตผ่านดีไซน์ และแนวความคิดนี้จะถูกกระจายออกไปทั่วโลก จนกลายเป็นมาตรฐานระดับสากลในที่สุด"
"ทีมข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ "ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด ผู้คร่ำหวอดและได้รับการยอมรับในวงการอสังหาริมทรัพย์มามากกว่า 30 ปี ที่ปัจจุบันมุ่งเน้นพัฒนาเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ที่เป็น International Premium ได้ให้มุมมองถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับ Super Luxury ในปัจจุบันไว้น่าสนใจ
ต้องการซื้อคอนโดในเมืองเป็นบ้านหลังแรก
โดย "ยงยุทธ" เปิดการสนทนาว่าสำหรับผมมองเรื่องของ product เป็นสำคัญเพราะหลังวิกฤติโควิดผู้คนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปต้องการกลับไปอยู่บ้านเดี่ยวนอกเมืองเยอะขึ้นในช่วงแรก ทำให้ช่วงนั้นบ้านขายดี แต่พอทุกอย่างเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ธุรกิจเริ่มกลับมา ผู้คนใช้ชีวิตปกติ ความต้องการที่อยู่อาศัยของคนที่มีกำลังซื้อเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมจะลงทุนหรือซื้อคอนโดมิเนียมให้เป็นบ้านหลังที่2 โดยมีบ้านใหญ่อยู่นอกเมืองและมาอยู่คอนโดมิเนียมในเมือง ที่ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูกเพื่อพักในวันทำงานและกลับไปอยู่บ้านช่วงวันหยุด
แต่ปรากฏว่าเมื่อกลับไปอยู่บ้านนอกเมืองแล้วมีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างหายไป โดยเฉพาะเรื่องไลฟ์สไตล์ อาหารการกิน สถานบันเทิงและคอมมูนิตี้ที่ไม่หลากหลายเหมือนในเมือง ที่สำคัญคือการเดินทางที่ยังต้องใช้เวลานาน จึงพบว่าคนรุ่นใหม่นักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในเมืองเป็น "บ้านหลังแรก" ที่เป็นที่อยู่อาศัยระยะยาวได้จริงๆ
อันนี้คือสิ่งที่แปลกใหม่จากเดิมที่จะเห็นคอนโดฯในเมืองห้องเดี่ยวขนาด 27 หรือ 30-35 ตารางเมตร ขายดีเป็นที่ต้องการ แต่ปัจจุบันมีความต้องการคอนโดฯที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นมี 2-3 ห้องนอน อยู่เป็นครอบครัวได้และมีพื้นที่ส่วนกลางที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตที่หลากหลายรูปแบบ และผู้บริโภคจะยอมจ่ายเพื่อซื้อ "บ้านหลังแรก" ในงบหรือราคาที่สูงขึ้น ทำให้ Product คอนโดฯ เปลี่ยนไป โดยต้องตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตสมัยใหม่
"คอนโดมิเนียมยังถือเป็นการลงทุนที่ดี สามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้แต่มีข้อจำกัดว่าต้องมีโลเกชันดี ใกล้โรงเรียนมหาวิทยาลัยใกล้ที่ทำงานหรืออยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ(CBD)จะสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาสูงหรือหากขายต่อราคาก็ไม่ตกแต่มีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้นจากราคาที่สูงขึ้น"
"ยงยุทธ"ยกตัวอย่างโครงการ "สโคปทองหล่อ" ที่อยู่กลางเมืองบนถนนสุขุมวิทระหว่างสุขุมวิทซอย 38 ถึง 36 ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ ที่สร้างเป็นตึกสูง 32 ชั้น ความพิเศษของ "สโคปทองหล่อ" คือมียูนิตที่ขายเพียง 18 ชั้น หรือ 18 ยูนิตเท่านั้น หรือ 1 ฟลอร์ต่อ 1 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด มีบริการลิฟต์ส่วนตัวห้องละ 2 ตัว เราขายความเอกซ์คลูซีฟในราคาเริ่มต้นเพียง 200 ล้านบาทต่อยูนิต
โดยชั้น 1 ถึงชั้น 9 และชั้นบนสุดของโครงการ พัฒนาเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด โดยมีการออกแบบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่พิเศษสุด ชนิดหาที่ไหนไม่ได้ วัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียมครบถ้วนของการใช้ชีวิตแบบ Luxury ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวและวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งสร้างความสะดวกสบายให้กับการอยู่อาศัยร่วมของคนในครอบครัวที่ต่างเจนต่างวัยได้อีกด้วย
สร้าง International Premium รองรับต่างชาติ
"ยงยุทธ" ยังกล่าวถึงความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระดับ Hi-end ของนักธุรกิจชาวต่างชาติว่า ต่างชาติที่เข้ามามีหลากหลายเชื้อชาติ สิ่งที่เราต้องทำคือการยกระดับมาตรฐานการออกแบบการก่อสร้าง วัสดุตกแต่งต่างๆที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งสอดคล้องกับ DNA ของความเป็น "สโคป" อยู่แล้ว ที่ต้องการกลุ่มเป้าหมายที่เป็น International Premium เพื่อให้มีที่ยืนในตลาดหรือในเวทีระดับโลก
อย่างโครงการ "สโคปหลังสวน" (SCOPE Langsuan) ซึ่งตั้งอยู่บนโลเกชันที่แพงที่สุดในประเทศไทย อยู่ใจกลางCBD ย่านธุรกิจชั้นนำบนหัวมุมถนนหลังสวนด้านถนนสุขุมวิท ใกล้ห้างหรูเซ็นทรัลชิดลมและสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม ที่รายล้อมรอบด้วยโรงแรมระดับ 5-6 ดาว และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้ง Central Embassy และ Siam Paragon
ที่สำคัญ "สโคป หลังสวน" ตั้งอยู่บนที่ดินผืนที่ดีที่สุด ที่เป็น free hold ที่มีอยู่ไม่กี่ผืนบนถนนหลังสวน และแทบไม่มีเหลือแล้วดังนั้นราคาที่ดินจึงมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยจากสถิติราคาที่ดินทำเลทองย่าน CBD บนถนนสุขุมวิทและบริเวณใกล้เคียงโดยรอบย้อนหลัง 10-20 ปีที่ผ่านมา ราคาประเมินและราคาซื้อขายขยับขึ้นทุกปี!!
"ยงยุทธ"บอกว่า นอกจากนี้ขนาดของห้องที่ "สโคป หลังสวน" จะไม่เหมือนที่อื่น เน้นเป็นขนาด International standard ที่ห้องแบบ 1 ห้องนอน มีเนื้อที่เริ่มต้นที่ 84 ตารางเมตรต่อยูนิต ขายในราคา 40-50 ล้านบาท และขนาด 2 ห้องนอน มีเนื้อที่เริ่มต้น 154 ตารางเมตร ราคา 80-100 ล้านบาท เราจับตลาดบน ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดของโครงการ โดยทุกห้องมีลิฟต์ขึ้น-ลงส่วนตัว ขณะที่ภายในห้องยังโปร่งสบายด้วยเพดานสูงจากพื้นมากกว่า 3.5 เมตร ให้ความโอ่อ่าในแง่ของสเปซสามารถเทกวิวพาโนรามาของกรุงเทพมหานครได้อย่างเต็มที่
"สโคป หลังสวน" ยังเป็นคอนโดฯหรูดีไซน์ระดับโลกที่ได้ "โทมัสยูล-ฮันเซน" ดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก ซึ่งเป็นผู้ออกแบบคอนโดฯที่แพงที่สุดของเมืองนิวยอร์ก มาเป็นที่ปรึกษาออกแบบโครงการทั้งภายนอกและภายในทำให้ห้องชุดในโครงการนี้เปรียบเหมือนงานศิลปะที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นตามกาลเวลา โดย "สโคปหลังสวน" เป็นผลงานที่ดีที่สุดงานหนึ่งของโทมัส ยูล-ฮันเซน เพราะโดดเด่นด้วยความประณีตทั้งด้านดีไซน์ฟังก์ชันและการคัดสรรองค์ประกอบ สมฐานะความเป็นโครงการระดับ Crown Jewel สะท้อนไลฟ์สไตล์และรสนิยมความหรูหราของผู้อาศัย
นอกจากนี้ยังมอบพื้นที่ส่วนกลางที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้าน และมีการบริการเหมือนโรงแรมระดับ 5-6 ดาว จากพนักงานตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้กว่า 70% ของโครงการ "สโคปหลังสวน" ขายได้หมดแล้ว ซึ่งมีตระกูลนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงชาวไทย และต่างชาติเข้ามาเป็นลูกบ้าน
ล่าสุด "สโคปหลังสวน" ได้สร้างสถิติเคาะราคาขายห้อง'เพนต์เฮาส์'ระดับ ULTIMATE CLASS ขนาด 436 ตารางเมตร(ตร.ม.) ไปในราคา 436 ล้านบาท หรือราคาต่อ ตร.ม.เฉียด 1,000,000 บาท ให้กับเศรษฐีนักธุรกิจต่างชาติซึ่งน่าจะเป็นเพนต์เฮาส์ที่ราคาต่อตารางเมตรแพงที่สุดในประเทศไทย!!
โลเกชันดี-ออกแบบดี-บริหารดี
เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ระดับ Super Luxury กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการพัฒนา "สโคป หลังสวน" คือ "โลเกชันดี ออกแบบดี บริหารดี" ซึ่ง "สโคปหลังสวน" นอกจากมีโลเกชันอยู่ใจกลาง CBD และการทุ่มเทจ้างสุดยอดนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ภายหลังจากที่ลูกค้าหรือลูกบ้านเข้ามาอยู่อาศัยแล้ว
เราจึงมีบริษัท 'ACQUA' ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เหมือนนิติบุคคลเข้ามาบริหารจัดการโครงการที่เป็นแบรนด์ของ"สโคป"เองเพราะปกติโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างจากโรงแรมโรงแรมมีเจ้าของดูแลให้ได้มาตรฐาน แต่คอนโดมิเนียมขายไปแล้วไม่ได้ถูกบริหารโดยดีเวลลอปเปอร์หรือผู้พัฒนาโครงการ แต่สิ่งที่เราต้องการคือการบริหารจัดการ การดูแลโครงการ ให้มีมาตรฐานระดับ Luxury ตามที่เราได้โฆษณาไว้ เพราะอย่าลืมว่าลูกค้ามาซื้อโครงการเพราะสิ่งที่เรานำเสนอให้บริการเหล่านี้ด้วย
"เรากำลังเปลี่ยนเทรนด์ผู้อยู่อาศัย สิ่งที่เราคิดคือการอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย ดังนั้นพื้นที่ส่วนกลางและการให้บริการจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากการออกแบบตกแต่งอย่างมีรสนิยมด้วยดีไซน์จากสถาปนิกระดับโลกและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว"
บริการส่วนกลางระดับ 6 ดาว 24 ชั่วโมง
พื้นที่ส่วนกลางยังเพียบพร้อมไปด้วยพื้นที่ที่สร้างความสุขตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตระดับลักชัวรีที่ดีที่สุดของลูกบ้านในทุกมิติ นอกจากมีห้อง Fitness สระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า และห้องออนเซนส่วนตัวแล้วยังมีห้องสันทนาการ โรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่ใช้เครื่องเสียงชั้นดี รับแขกได้ถึง 25 คน มีห้องซ้อมดนตรี ห้องพักผ่อน ห้องรับแขก ที่มีเครื่องทำกาแฟที่มีชื่อเสียงและมาตรฐานดีที่สุดในโลกไว้ให้บริการ มีห้องจัดเลี้ยง ไวน์เซลลาร์ และห้องประชุม ที่สามารถทำงานหรือนัดหมายมาเจรจาธุรกิจกันได้ตลอดเวลา โดยมี ConciergeService ที่คอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก (Housekeeping) อาทิตย์ละ 3 ครั้ง จากพนักงานประจำของเราที่ผ่านการฝึกฝนและอบรมมาอย่างดี ไม่ต้องมีแม่บ้านจากข้างนอกเข้ามา เพื่อความปลอดภัย และยังมี Zone ให้บริการสำหรับสัตว์เลี้ยงมีคนรับฝากดูแลอาบน้ำ ตัดขนสัตว์เลี้ยงที่เป็นมืออาชีพ รวมทั้งมีห้องเก็บของไพรเวท ให้ลูกบ้านไว้ให้บริการด้วยนอกจากนี้ยังมีบริการ valet parking service ให้กับลูกบ้าน จากพนักงานที่มีความเป็นมืออาชีพดูแลลูกค้าระดับวีไอพี ทั้งหมดนี้มีพนักงานพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
"ยงยุทธ" บอกว่าเรา "นำปัญหาของลูกค้ามาเป็นปัญหาของเรา" เพื่อแก้ปัญหาและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน ทำให้ลูกบ้านอยู่อย่างมีความสุขและสบายใจ จากสโลแกน Life at its Finest จะทำอะไรก็ทำให้ Finest ดีที่สุดเรามีระบบเข้ามาบริหารจัดการออกแบบการอยู่ การกิน การพักผ่อน การทำงาน ให้ดีที่สุด Luxury ที่สุดเพื่อให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอยู่ในนี้ได้อย่างมีความสุขและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการอยู่อาศัย
เรียลเอสเตทที่ดี ยิ่งยาวยิ่งมีกำไร!!
"ยงยุทธ" ยังเล่าถึงสาเหตุที่เขาทุ่มเทให้กับการพัฒนาโครงการ "สโคป หลังสวน" โดยยอมทุ่มให้ราคาประมูลที่ดินผืนนี้ ด้วยราคาสูงถึงตารางวาละ 3 ล้านบาท เพราะว่าสโคป คือซุปเปอร์ลักชัวรี ที่ผืนงามอย่างนี้ปัจจุบันหายากและไม่มีอีกแล้ว ทำให้เรามั่นใจว่ามูลค่าราคาที่ดินจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆส่งผลให้มูลค่าของคอนโดฯ"สโคป หลังสวน" มีโอกาสสูงขึ้นตามไปด้วย
ราคาที่ดินบนถนนสุขุมวิทขยับสูงขึ้นทุกปี หลังการซื้อขายที่ดินของสถานทูตอังกฤษย่านเพลินจิตที่เคาะราคาขายกันตารางวาละ 1 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ว่าเป็นราคาซื้อขายที่สูงที่สุด แต่มาวันนี้ราคาที่ดินในย่านนี้ โดยเฉพาะตั้งแต่ "หลังสวน-ชิดลม-ถนนวิทยุ" ราคาวิ่งขึ้นมา เฉลี่ยอยู่ที่ตารางวาละ 2ล้านบาทแล้ว โดยเฉพาะบนถนนหลังสวน ราคาขึ้นไปกว่า 3 ล้านบาท ต่อตารางวา ที่สำคัญแทบไม่เหลือที่ดินผืนงามให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หยิบมาพัฒนาได้อีกแล้วทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ถือเป็น Rare item!! ทำให้เราทุ่มลงทุนสร้างคอนโดฯระดับ Super Luxury ได้อย่างเต็มที่ และสามารถเสนอขายได้ในราคาคุ้มค่าสมราคา เพราะเป็นที่ต้องการสูง ทำให้มูลค่าโครงการมีโอกาสขยับขึ้นได้อีกทุกปี
เห็นได้จากตอนเริ่มเปิดขายโครงการ "สโคป หลังสวน" วันแรกราคาขายเฉลี่ยอยู่ตารางเมตรละ 490,000 บาท แต่ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตารางเมตรละ 650,000 บาทขึ้นไป และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังพบว่านอกจากการซื้อเพื่อเป็นบ้านอยู่อาศัยแล้ว ยังมีการซื้อเพื่อการลงทุน และปล่อยเช่าในห้องที่มีขนาด 2 ห้องนอนขึ้นไป ซึ่งถือเป็นขนาดที่ได้รับความนิยมมาก
"ตลาดลักชัวรีเหมือนแฟชั่นแบรนด์ไฮเอนด์เราขายของให้กับคนที่มีความต้องการ มีความสามารถจ่ายได้ในราคาสูง ดังนั้นของที่ออกมาก็ต้องมีเป้าหมายกับผู้ซื้อ ที่ต้องการอินเตอร์เนชันแนลพรีเมียมเราทำการบ้านเยอะเห็นโอกาสของโลเกชันตรงนี้ ทำให้ยอมซื้อที่ดินในราคาสูง และลงทุนจ้างที่ปรึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ออกแบบทั้งภายนอกและภายใน เพราะมั่นใจว่าโลเกชันสร้างราคาขึ้นไปได้เรามีความพร้อมที่สุดทั้งโลเกชัน การออกแบบและบริการที่ Super Luxury ที่สุด มันคือดีเอ็นเอของสโคปโดยเฉพาะ เพราะเราอยากมีที่ยืนบนเวทีโลกที่ต้องทำให้ "the longer, the better" เรียลเอสเตทที่ดียิ่งยาว ยิ่งมีกำไร!!" ยงยุทธทิ้งท้าย
ตอกย้ำคำกล่าวของ โทมัส ยูล-ฮันเซน เคยให้สัมภาษณ์กับ the cloud ว่า"ผมไม่เคยมาเมืองไทยมาก่อน นั่นทำให้ผมต้องทำการบ้านถึงสิ่งที่คนไทยต้องการ และผมก็พบว่าความต้องการของคนไทยเป็นเรื่องเดียวกับที่คนนิวยอร์กหรือคนลอนดอนต้องการ
และวิสัยทัศน์ของคุณยงยุทธที่กระตุ้นให้ผมและทีมงานทำสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากลูกค้าโครงการอื่น ที่เน้นประหยัดงบ ผลที่เกิดขึ้นก็คือโครงการนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ ซึ่งสูงสุดเท่าที่ผมเคยทำงานมา สูงกว่าหลายเจ้าที่เคยทำในนิวยอร์ก เมื่ออาคารแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ ไม่เพียงแค่ในกรุงเทพฯแต่กับวงการคอนโดมิเนียมทั่วโลก ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ สู่การตระหนักในการสร้างคุณภาพชีวิตผ่านดีไซน์ และแนวความคิดนี้จะถูกกระจายออกไปทั่วโลก จนกลายเป็นมาตรฐานระดับสากลในที่สุด"
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ