HMPRO พ้นจุดต่ำสุด- SSSG ฟื้น ลุยลูกค้ารีโนเวตบ้านอัพมูลค่า
วันที่ : 20 สิงหาคม 2568
HMPRO หวังยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาผ่านจุดต่ำสุด เล็งสิงหาคมนี้เห็นภาพฟื้นตัวชัด พร้อม งัดกลยุทธ์สู้ เศรษฐกิจซบด้วยโมเดล Hybrid Store มองลูกค้าบ้านเก่าในกทม.ปริมณฑล 6 ล้านหลังเป็นโอกาสในขณะที่โครงการเปิดใหม่ยังชะงัก ด้านโครงการนักท่องเที่ยวจ่ายคริปโท ช่วยเพิ่มแรงซื้อ
นายรักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์กลยุทธ์ และความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยว่า จากการที่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากสาขาเดิม หรือ SSSG จะเป็นลบ และกำลังเผชิญความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน อีกทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังรอคอยการฟื้นตัว ประกอบกับที่ผ่านมาธนาคารเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ทำให้อสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จคงค้างอยู่ตลาดไปถึงไตรมาส 3 หรือ 4 จึงน่าจะเกิดการสร้างโครงการใหม่ๆ ไม่มาก
แต่บริษัทคาดหวังว่าครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และจุดที่แย่ที่สุดน่าจะผ่านไปแล้ว โดยหลังจากเดือนสิงหาคมนี้ไป หากปัจจัยลบทั้งหลายที่กระทบกำลังซื้อในประเทศคลี่คลาย ย่อมมีโอกาสที่ยอดขายจะพลิกกลับมาฟื้นได้ชัดเจน แต่บริษัทก็จะยังคงดำเนินแผนงานขยายสาขาใหม่ๆ ต่อไปด้วยเพื่อสร้างฐานรายได้ให้กว้างขึ้น
รุกสาขาดันยอดขาย
บริษัทมีแผนเปิดสาขาในปีนี้ 11 สาขา แบ่งเป็น HomePro รวม 6 สาขา ครึ่งปีแรกไม่มีสาขาใหม่ แต่เดือนกรกฎาคมมี 2 สาขา ช่วงที่เหลือในไตรมาส 3/2568 อีก 2 สาขา และไตรมาส 4/2568 อีก 2 สาขา, Mega Home เดือนกรกฎาคมมี 1 สาขา และไตรมาส 4/2568 อีก 4 สาขา ขณะที่ในต่างประเทศคือมาเลเซียจะมี 7 สาขาเท่าเดิมไม่เพิ่มในปีนี้
ด้านกลยุทธ์สร้างการเติบโตบริษัท ให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ขายอย่างคุ้มค่าผ่านโมเดล Hybrid Store ควบคู่กับการยกระดับบริการ CHANG HomePro ให้ครอบคลุม รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังขยายสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าเดิม เช่น ลูกค้าที่เคยซื้อเพียงของตกแต่ง สามารถซื้อเหล็ก ปูน หรือสินค้าอื่นๆ ได้ด้วย ทำให้ยอดขายด่ข่น
พร้อมกับนำเสนอบริการใหม่ที่ให้ลูกค้าที่มีของใช้เก่าอยู่แล้ว เช่น แอร์เสีย มาแลกหรือซื้อขายกับทาง HomePro ได้ โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้าเกิดความคุ้นเคยและใช้บริการมากข่น
เพิ่มมูลค่าฐานลูกค้า
และอีกกลุ่มตลาดที่น่าสนใจคือ ลูกค้าบ้านเก่า/ปรับปรุงบ้าน นับเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่มาก โดยเทียบก้บบ้านใหม่ในกรุงเทพฯ ท่าม่เพ่ยง 50,000-60,000 หลังต่อปี แต่บ้านเก่าในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีถึง 6 ล้านหลัง หากบ้านเก่า 6 ล้านหลังนี้มีการรีโนเวตใหญ่ทุก 10 ปี จะมีถึง 600,000 หลังต่อปี ซึ่งสร้างรายได้จำนวนมาก ธุรกิจต้องการลูกค้า กลุ่มน่าให้อยู่ก้บบริษ้ทและใช้บริการท่าหลากหลาย
อีกทั้งบริษัทมีสมาชิกกว่า 7 ล้านคน สัดส่วนสมาชิกที่มาซื้อสินค้าต่อเนื่องทุกเดือนคิดเป็น 90% ของยอดขาย แสดงให้เห็นว่าลูกค้ารู้สึกผูกพันกับบริษัท เป็นฐานลูกค้าคุณภาพและสร้างยอดขายได้ 85-90% ซึ่งบริษัทก็จะกระตุ้นการตลาดกับกลุ่มลูกค้าเหล่าน่ต่อเน่อง
ส่วนกรณีรัฐบาลเพิ่งประกาศนโยบายสนับสนุนต่างชาติใช้คริปโทเคอร์เรนซีในไทยจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ ได้ บริษัทมองเป็นเรื่องดีที่อานิสงส์กำล้งจากกลุ่มน้กท่องเท่ายวอาจจะมาเพิ่มการจับจ่ายในร้านค้าต่างๆ รวมถึง ร้านค้าในกลุ่มบริษัทด้วยในอนาคต
แต่บริษัทคาดหวังว่าครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และจุดที่แย่ที่สุดน่าจะผ่านไปแล้ว โดยหลังจากเดือนสิงหาคมนี้ไป หากปัจจัยลบทั้งหลายที่กระทบกำลังซื้อในประเทศคลี่คลาย ย่อมมีโอกาสที่ยอดขายจะพลิกกลับมาฟื้นได้ชัดเจน แต่บริษัทก็จะยังคงดำเนินแผนงานขยายสาขาใหม่ๆ ต่อไปด้วยเพื่อสร้างฐานรายได้ให้กว้างขึ้น
รุกสาขาดันยอดขาย
บริษัทมีแผนเปิดสาขาในปีนี้ 11 สาขา แบ่งเป็น HomePro รวม 6 สาขา ครึ่งปีแรกไม่มีสาขาใหม่ แต่เดือนกรกฎาคมมี 2 สาขา ช่วงที่เหลือในไตรมาส 3/2568 อีก 2 สาขา และไตรมาส 4/2568 อีก 2 สาขา, Mega Home เดือนกรกฎาคมมี 1 สาขา และไตรมาส 4/2568 อีก 4 สาขา ขณะที่ในต่างประเทศคือมาเลเซียจะมี 7 สาขาเท่าเดิมไม่เพิ่มในปีนี้
ด้านกลยุทธ์สร้างการเติบโตบริษัท ให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ขายอย่างคุ้มค่าผ่านโมเดล Hybrid Store ควบคู่กับการยกระดับบริการ CHANG HomePro ให้ครอบคลุม รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังขยายสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าเดิม เช่น ลูกค้าที่เคยซื้อเพียงของตกแต่ง สามารถซื้อเหล็ก ปูน หรือสินค้าอื่นๆ ได้ด้วย ทำให้ยอดขายด่ข่น
พร้อมกับนำเสนอบริการใหม่ที่ให้ลูกค้าที่มีของใช้เก่าอยู่แล้ว เช่น แอร์เสีย มาแลกหรือซื้อขายกับทาง HomePro ได้ โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้าเกิดความคุ้นเคยและใช้บริการมากข่น
เพิ่มมูลค่าฐานลูกค้า
และอีกกลุ่มตลาดที่น่าสนใจคือ ลูกค้าบ้านเก่า/ปรับปรุงบ้าน นับเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่มาก โดยเทียบก้บบ้านใหม่ในกรุงเทพฯ ท่าม่เพ่ยง 50,000-60,000 หลังต่อปี แต่บ้านเก่าในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีถึง 6 ล้านหลัง หากบ้านเก่า 6 ล้านหลังนี้มีการรีโนเวตใหญ่ทุก 10 ปี จะมีถึง 600,000 หลังต่อปี ซึ่งสร้างรายได้จำนวนมาก ธุรกิจต้องการลูกค้า กลุ่มน่าให้อยู่ก้บบริษ้ทและใช้บริการท่าหลากหลาย
อีกทั้งบริษัทมีสมาชิกกว่า 7 ล้านคน สัดส่วนสมาชิกที่มาซื้อสินค้าต่อเนื่องทุกเดือนคิดเป็น 90% ของยอดขาย แสดงให้เห็นว่าลูกค้ารู้สึกผูกพันกับบริษัท เป็นฐานลูกค้าคุณภาพและสร้างยอดขายได้ 85-90% ซึ่งบริษัทก็จะกระตุ้นการตลาดกับกลุ่มลูกค้าเหล่าน่ต่อเน่อง
ส่วนกรณีรัฐบาลเพิ่งประกาศนโยบายสนับสนุนต่างชาติใช้คริปโทเคอร์เรนซีในไทยจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ ได้ บริษัทมองเป็นเรื่องดีที่อานิสงส์กำล้งจากกลุ่มน้กท่องเท่ายวอาจจะมาเพิ่มการจับจ่ายในร้านค้าต่างๆ รวมถึง ร้านค้าในกลุ่มบริษัทด้วยในอนาคต
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ