PREB เร่งระบายสต๊อกโกยเงินพร้อมชิงงานใหม่ตุนแบ็กล็อก
วันที่ : 21 สิงหาคม 2568
PREB รับอานิสงส์กนง.ห่านดอกเบ้าย หนุนธุรกิจอส่งหาคึกคัก พร้อมเดินหน้าระบายสต๊อกในมือราว 200-300 ล้านบาท เสริมพอร์ตรับทรัพย์เพิ่ม ฟากธุรกิจรับเหมาลุยสอยงานใหม่ต่อเนื่อง อัพ Backlog เพิ่ม จากเดิมราว 1.18 หมื่นล้านบาท กินยาวถึงปี 2570 แถมฟุ้งครึ่งหลัง ปี 2568 ฟอร์มแจ่ม โครงการเรียงคิว บุ๊กเพียบ
นายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยถึง ทิศทางผลงานในครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงจากช่วงครึ่งปีแรก 2568 เพราะมองแนวโน้มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น ประกอบได้รับแรงหนุนจาก Backlog ที่รอรับรู้ในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
โดยกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายนั้นบริษัทยังไม่มีแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือปี 2568 เพิ่มเติม แต่จะหันมามุ่งให้ความสำคัญกับการทำตลาดที่อยู่อาศัยพร้อมโอนในมือ (สต๊อก) ซึ่งกระจายในทำเลต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นเงินราว 200-300 ล้านบาท เพื่อสร้างยอดขายและรายได้เพิ่มเติม หวังสนับสนุนการเติบโตของภาพรวมธุรกิจอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ PREB นั้นมาจากกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ราว 20% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
รุกสอยงานรับเหมาเพิ่ม
ในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างล่าสุดบริษัทมีตัวเลขงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ในช่วงที่เหลือปี 2568 ไม่ต่ำกว่า 30% และที่เหลือจะทยอยต่อเนื่องไปถึงปี 2570 หรือราวอีก 2 ปีข้างหน้า อีกทั้งบริษัทยังมีแผนประมูลโครงการใหม่ทั้งภาคเอกชน อาทิ งานก่อสร้างประเภทคอนโดมิเนียม, อาคารสำนักงาน ฯลฯ เพื่อเสริมรายรับในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับแนวทางการบริหารงานปีนี้ ทาง PREB คงจะมีแนวทางปรับพอร์ตงาน รับเหมาก่อสร้างจากโครงการที่อยู่อาศัย ไปสู่โครงการเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงานโรงงาน โรงพยาบาล โรงแรม สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และคลังสินค้า เพื่อไปสู่เป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน โดยการปรับขึ้นค่าแรงนี้ จะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด และบางกิจการในต่างจังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมานั้นบริษัทเองก็คงมีการปรับแผนงานให้สอดคล้องกับเรื่อง ดังกล่าวเช่นกัน โดยในส่วนของโครงการ รับเหมาก่อสร้างที่จะประมูลใหม่หลังจากนี้คงมีการปรับในส่วนราคาเพื่อสะท้อนค่าแรงใหม่ที่เพิ่มขึ้น เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุน
ลั่นรายได้ปี 2568 โตต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีสำหรับทั้งปี 2568 ทาง PREB ยังคงประมาณการรายได้เติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีรายได้ ราว 5.2 พันล้านบาท โดยแรงหนุนสำคัญคงมาจาก Backlog ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เข้ามาเสริม
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบาย การเงิน (กนง.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยอนุมัติให้ลด อัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อ ปี จาก 1.75% ต่อปี เป็นเหลือที่ราว 1.50% ต่อปี และให้มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมานั้นบริษัทมองถือเป็นผลดีต่อกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในเครือ PREB และน่าจะช่วยสนับสนุนให้ความต้องการ (ดีมานด์) และยอดขายในส่วนของธุรกิจขยายตัว
โดยกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายนั้นบริษัทยังไม่มีแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือปี 2568 เพิ่มเติม แต่จะหันมามุ่งให้ความสำคัญกับการทำตลาดที่อยู่อาศัยพร้อมโอนในมือ (สต๊อก) ซึ่งกระจายในทำเลต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นเงินราว 200-300 ล้านบาท เพื่อสร้างยอดขายและรายได้เพิ่มเติม หวังสนับสนุนการเติบโตของภาพรวมธุรกิจอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ PREB นั้นมาจากกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ราว 20% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
รุกสอยงานรับเหมาเพิ่ม
ในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างล่าสุดบริษัทมีตัวเลขงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ในช่วงที่เหลือปี 2568 ไม่ต่ำกว่า 30% และที่เหลือจะทยอยต่อเนื่องไปถึงปี 2570 หรือราวอีก 2 ปีข้างหน้า อีกทั้งบริษัทยังมีแผนประมูลโครงการใหม่ทั้งภาคเอกชน อาทิ งานก่อสร้างประเภทคอนโดมิเนียม, อาคารสำนักงาน ฯลฯ เพื่อเสริมรายรับในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับแนวทางการบริหารงานปีนี้ ทาง PREB คงจะมีแนวทางปรับพอร์ตงาน รับเหมาก่อสร้างจากโครงการที่อยู่อาศัย ไปสู่โครงการเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงานโรงงาน โรงพยาบาล โรงแรม สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และคลังสินค้า เพื่อไปสู่เป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน โดยการปรับขึ้นค่าแรงนี้ จะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด และบางกิจการในต่างจังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมานั้นบริษัทเองก็คงมีการปรับแผนงานให้สอดคล้องกับเรื่อง ดังกล่าวเช่นกัน โดยในส่วนของโครงการ รับเหมาก่อสร้างที่จะประมูลใหม่หลังจากนี้คงมีการปรับในส่วนราคาเพื่อสะท้อนค่าแรงใหม่ที่เพิ่มขึ้น เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุน
ลั่นรายได้ปี 2568 โตต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีสำหรับทั้งปี 2568 ทาง PREB ยังคงประมาณการรายได้เติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีรายได้ ราว 5.2 พันล้านบาท โดยแรงหนุนสำคัญคงมาจาก Backlog ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เข้ามาเสริม
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบาย การเงิน (กนง.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยอนุมัติให้ลด อัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อ ปี จาก 1.75% ต่อปี เป็นเหลือที่ราว 1.50% ต่อปี และให้มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมานั้นบริษัทมองถือเป็นผลดีต่อกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในเครือ PREB และน่าจะช่วยสนับสนุนให้ความต้องการ (ดีมานด์) และยอดขายในส่วนของธุรกิจขยายตัว
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ