CPANEL บุ๊กงานอื้อ รัฐหนุนก่อสร้างฟื้น
วันที่ : 7 ตุลาคม 2568
CPANEL มองภาพไตรมาส 4/2568 ฟื้นตัว รับรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนโอกาสได้งานเพิ่ม พร้อม เดินหน้ากลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์มาตรฐานสูง ตุนแบ็กล็อก 1.31 พันล้านบาท บุ๊กเข้าไตรมาส 3/2568 เต็มที่ เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่เสริมฐาน
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมก่อสร้างเริ่มมีการขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงความต้องการใช้คอนกรีตสำเร็จรูป หรือ Precast มีอยู่ค่อนข้างมาก จึงประเมินภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/2568 จะดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาเช่นกัน
มองมุมบวก
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมามีการอนุมัติงานต่างๆ ออกมา ทำให้งานประจำภาครัฐบาลเพิ่มขึ้น ในตลาด และการได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องพร้อมสานต่องานได้ดี มีนโยบายออกมาตรงประเด็นตอบโจทย์ ส่งผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อ แม้ว่าเรื่องของอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแรง แต่การดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการจัดการเงินเฟ้อประเภทอื่นๆ ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่จะทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น จึงคาดหวังได้ว่าจะเห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ CPANEL ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์งานก่อสร้างยุคใหม่ และความต้องการของลูกค้าได้ในทุกด้านมาโดยตลอด ทั้งในแง่ของมาตรฐานการผลิตที่สูง ดีไซน์-การใช้งาน ความแข็งแรง-ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม-ประหยัดพลังงาน ความคุ้มค่า ความรวดเร็วในการก่อสร้าง ส่งผลให้ในปัจจุบัน Precast Concrete ของ CPANEL มีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และคว้างาน โครงการคุณภาพได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มผลงาน
ก่อนหน้านี้ นายชาคริต ได้ประเมินทางธุรกิจไตรมาส 3/2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง จากงวดไตรมาส 2/2568 ที่มีรายได้รวม 88 ล้านบาท เนื่องจากมีงานในมือ (Backlog) ที่อยู่ระหว่างผลิต ส่งมอบ และรับรู้รายได้อีกจำนวน 1,311 ล้านบาท ประกอบด้วย งานอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย โรงพยาบาลของหน่วยงานภาครัฐ งานอาคารกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ท่องเที่ยว คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ และบ้านเดี่ยวกลุ่มลักซ์ชัวรี ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ในไตรมาส 3/2568
อีกทั้งคาดแนวโน้มฟื้นตัวจะดีขึ้นตลอดครึ่งปีหลัง 2568 สอดรับแผนขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพกระจายความเสี่ยงและสร้างการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ และลงไปทำตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น อาทิ กลุ่มบ้านที่ไม่ต้องขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งมองว่ากลุ่มเหล่านี้จะสามารถเติบโตได้ค่อนข้างดี อีกทั้งมองหาโอกาสในการลงทุนหรือร่วมทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หลัก เพื่อลดความผันผวนจากการพึ่งพิงงานโครงการภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ประจำ เสริมฐานะการเงินให้มั่นคงในระยะยาว
มองมุมบวก
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมามีการอนุมัติงานต่างๆ ออกมา ทำให้งานประจำภาครัฐบาลเพิ่มขึ้น ในตลาด และการได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องพร้อมสานต่องานได้ดี มีนโยบายออกมาตรงประเด็นตอบโจทย์ ส่งผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อ แม้ว่าเรื่องของอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแรง แต่การดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการจัดการเงินเฟ้อประเภทอื่นๆ ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่จะทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น จึงคาดหวังได้ว่าจะเห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ CPANEL ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์งานก่อสร้างยุคใหม่ และความต้องการของลูกค้าได้ในทุกด้านมาโดยตลอด ทั้งในแง่ของมาตรฐานการผลิตที่สูง ดีไซน์-การใช้งาน ความแข็งแรง-ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม-ประหยัดพลังงาน ความคุ้มค่า ความรวดเร็วในการก่อสร้าง ส่งผลให้ในปัจจุบัน Precast Concrete ของ CPANEL มีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และคว้างาน โครงการคุณภาพได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มผลงาน
ก่อนหน้านี้ นายชาคริต ได้ประเมินทางธุรกิจไตรมาส 3/2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง จากงวดไตรมาส 2/2568 ที่มีรายได้รวม 88 ล้านบาท เนื่องจากมีงานในมือ (Backlog) ที่อยู่ระหว่างผลิต ส่งมอบ และรับรู้รายได้อีกจำนวน 1,311 ล้านบาท ประกอบด้วย งานอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย โรงพยาบาลของหน่วยงานภาครัฐ งานอาคารกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ท่องเที่ยว คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ และบ้านเดี่ยวกลุ่มลักซ์ชัวรี ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ในไตรมาส 3/2568
อีกทั้งคาดแนวโน้มฟื้นตัวจะดีขึ้นตลอดครึ่งปีหลัง 2568 สอดรับแผนขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพกระจายความเสี่ยงและสร้างการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ และลงไปทำตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น อาทิ กลุ่มบ้านที่ไม่ต้องขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งมองว่ากลุ่มเหล่านี้จะสามารถเติบโตได้ค่อนข้างดี อีกทั้งมองหาโอกาสในการลงทุนหรือร่วมทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หลัก เพื่อลดความผันผวนจากการพึ่งพิงงานโครงการภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ประจำ เสริมฐานะการเงินให้มั่นคงในระยะยาว
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ