ภูเก็ตบูม! Branded Residence จ่อเปิดตัวดันขึ้นฮับอสังหาฯ พรีเมียม
วันที่ : 16 ตุลาคม 2568
"Branded Residence" ในตลาดอสังหาฯภูเก็ต กำลังพลิกเกมของนักพัฒนาและแบรนด์โรงแรมระดับโลกที่หันมาสร้างที่อยู่พร้อมประสบการณ์บริการ บนทำเลชายฝั่งที่แข่งกันด้วยราคาและคุณค่า
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตในปี 2568 กำลังเปลี่ยนผ่านจากการพัฒนาโครงการเพื่อขายทั่วไป สู่การสร้าง "ประสบการณ์การอยู่อาศัย" ที่มีแบรนด์ระดับโลกเป็นหัวใจสำคัญ ปัจจุบันเกาะภูเก็ตมีที่อยู่อาศัยรวมกว่า 40,600 ยูนิต จากโครงการที่เปิดขายอยู่ 343 โครงการ โดยกว่า 83% เป็นคอนโดมิเนียม และส่วนใหญ่ยังเป็นโครงการไม่ติดแบรนด์ ขณะที่ "Branded Residence" ซึ่งมีเพียงประมาณ 17% ของตลาดทั้งหมด กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ขับเคลื่อนภูเก็ตสู่ตลาดลักชัวรีเต็มรูปแบบ
รายงานจาก C9 Hotelworks ระบุว่า เชิงทะเล-บางเทายังเป็นพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด ครองสัดส่วนกว่า 54% ของตลาด รวมถึงเป็นโซนที่โครงการระดับโลกเลือกใช้เป็นฐานพัฒนา Branded Residence เช่นเดียวกับทำเลกมลา ที่กลายเป็น "Millionaire's Mile" ศูนย์รวมโครงการพักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรีจากผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศ
ความนิยมของ Branded Residence เพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมผู้ซื้อรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากรัสเซีย ยุโรป และกรุงเทพฯ ที่มองหาบ้านพักตากอากาศพร้อมบริการระดับโรงแรม ซึ่งตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยระยะยาวและปล่อยเช่าในระยะกลางถึงยาวได้จริง อีกทั้งยังมั่นใจในมาตรฐานการบริหารจัดการและการดูแลทรัพย์สินในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่มีแบรนด์สูงกว่ายูนิตทั่วไปถึง 28% อยู่ที่ราว 181,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่โครงการบ้านพักแนววิลล่าติดแบรนด์มีราคาสูงกว่าสองเท่าของตลาดทั่วไป หรือราว 162,000 บาทต่อตารางเมตร
ความร้อนแรงของตลาดนี้เห็นชัดจากการเปิดตัวโครงการใหม่ระดับ "เวิลด์คลาส" อย่าง "Peylaa Phuket, Autograph Collection Residences" ของ แค๊ปสโตน แอสเสท ที่จับมือกับ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เปิดตัวเรสซิเดนซ์แห่งแรกในเอเชียแปซิฟิกภายใต้แบรนด์ Autograph Collection โดยตั้งอยู่ใจกลางย่านบางเทา ภายในมิกซ์ยูสที่ประกอบด้วยโรงแรมและรีเทลครบวงจร จำนวน 408 ยูนิต คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 โครงการนี้โดดเด่นด้วยแนวคิด "Co-located Branded Residence" ซึ่งให้ผู้อยู่อาศัยเข้าถึงบริการของโรงแรมได้โดยตรง ทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ คลับเด็ก และพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งทั้งหมดบริหารโดยทีมแมริออท เพื่อสะท้อนปรัชญา "Exactly Like Nothing Else" ของแบรนด์ออโตกราฟที่เน้นเอกลักษณ์และศิลปะการออกแบบ
อีกด้านหนึ่ง พราว เรียลเอสเตท ผู้พัฒนาอสังหาฯ สัญชาติไทยที่สร้างชื่อจากหัวหิน ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับแนวหน้าในภูเก็ตด้วยการเปิดตัว "The Residences at InterContinental Phuket Resort" บนหาดกมลา มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด "Live Beyond Boundaries in Paradise" โครงการนี้จำกัดเพียง 111 ยูนิต พร้อมสิทธิพิเศษในการใช้บริการโรงแรม InterContinental Phuket Resort ซึ่งเป็นแห่งเดียวในโลกที่ได้รับรางวัล Michelin 2 Keys โดยออกแบบสถาปัตยกรรมในแนว "Far East Paradise" ผสมผสานศิลปะชิโนยูโรเปียนกับเปอรานากัน พร้อมแนวคิดพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการเตรียมขอรับรองมาตรฐาน Fitwel Certification ที่มุ่งเน้นสุขภาวะของผู้อยู่อาศัย
ทั้งสองโครงการสะท้อนทิศทางเดียวกันว่า "แบรนด์" กลายเป็นเครื่องมือสร้างมูลค่าใหม่ในตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต เพราะไม่ได้ขายเพียงโลโก้ แต่คือความเชื่อมั่นในบริการและการดูแลหลังการขาย ซึ่งกลายเป็นปัจจัยหลักที่รักษาระดับราคาและความต้องการได้ต่อเนื่อง แม้ในตลาดที่มีอุปทานหนาแน่นกว่า 30,000 ยูนิต
ขณะเดียวกัน C9 Hotelworks ได้เน้นย้ำว่า ตลาดภูเก็ตกำลังเผชิญกับคลังสต๊อกคอนโดฯจำนวนมากและการแข่งขันจากโครงการไม่ติดแบรนด์ซึ่งราคาย่อมเยากว่า ทำให้ความสามารถในการสร้างความแตกต่างหลังการขายเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งขึ้น ความสำเร็จของ Branded Residence จึงขึ้นอยู่กับ "คุณภาพหลังการส่งมอบ" มากกว่าเพียงภาพลักษณ์ของแบรนด์ ผู้พัฒนาที่ไม่สามารถรักษาคำมั่นเรื่องบริการ การบริหารเช่า หรือการดูแลเจ้าของยูนิตได้ตามมาตรฐาน อาจสูญเสียความได้เปรียบเชิงราคาอย่างรวดเร็ว เพราะกลุ่มผู้ซื้อยุคใหม่เลือกจาก "ประสบการณ์จริง" มากกว่า "ชื่อเสียงบนป้ายโครงการ"
ภูเก็ตจึงกำลังเปลี่ยนจากสมรภูมิของรีสอร์ทและโรงแรม มาเป็นสนามแข่งขันของแบรนด์ระดับโลกที่ต้องพิสูจน์ "คุณค่าเหนือราคา" ผ่านการอยู่อาศัยจริง หากผู้พัฒนาไทยสามารถยืนในสมรภูมินี้ได้ด้วยการยกระดับมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ภูเก็ตจะไม่ใช่เพียงเกาะท่องเที่ยว แต่จะเป็นจุดหมายปลายทางของ "การอยู่อาศัยระดับโลก (World-class Living Destination)" ที่แข่งขันได้กับเมืองชายฝั่งระดับนานาชาติในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
รายงานจาก C9 Hotelworks ระบุว่า เชิงทะเล-บางเทายังเป็นพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด ครองสัดส่วนกว่า 54% ของตลาด รวมถึงเป็นโซนที่โครงการระดับโลกเลือกใช้เป็นฐานพัฒนา Branded Residence เช่นเดียวกับทำเลกมลา ที่กลายเป็น "Millionaire's Mile" ศูนย์รวมโครงการพักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรีจากผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศ
ความนิยมของ Branded Residence เพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมผู้ซื้อรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากรัสเซีย ยุโรป และกรุงเทพฯ ที่มองหาบ้านพักตากอากาศพร้อมบริการระดับโรงแรม ซึ่งตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยระยะยาวและปล่อยเช่าในระยะกลางถึงยาวได้จริง อีกทั้งยังมั่นใจในมาตรฐานการบริหารจัดการและการดูแลทรัพย์สินในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่มีแบรนด์สูงกว่ายูนิตทั่วไปถึง 28% อยู่ที่ราว 181,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่โครงการบ้านพักแนววิลล่าติดแบรนด์มีราคาสูงกว่าสองเท่าของตลาดทั่วไป หรือราว 162,000 บาทต่อตารางเมตร
ความร้อนแรงของตลาดนี้เห็นชัดจากการเปิดตัวโครงการใหม่ระดับ "เวิลด์คลาส" อย่าง "Peylaa Phuket, Autograph Collection Residences" ของ แค๊ปสโตน แอสเสท ที่จับมือกับ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เปิดตัวเรสซิเดนซ์แห่งแรกในเอเชียแปซิฟิกภายใต้แบรนด์ Autograph Collection โดยตั้งอยู่ใจกลางย่านบางเทา ภายในมิกซ์ยูสที่ประกอบด้วยโรงแรมและรีเทลครบวงจร จำนวน 408 ยูนิต คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 โครงการนี้โดดเด่นด้วยแนวคิด "Co-located Branded Residence" ซึ่งให้ผู้อยู่อาศัยเข้าถึงบริการของโรงแรมได้โดยตรง ทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ คลับเด็ก และพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งทั้งหมดบริหารโดยทีมแมริออท เพื่อสะท้อนปรัชญา "Exactly Like Nothing Else" ของแบรนด์ออโตกราฟที่เน้นเอกลักษณ์และศิลปะการออกแบบ
อีกด้านหนึ่ง พราว เรียลเอสเตท ผู้พัฒนาอสังหาฯ สัญชาติไทยที่สร้างชื่อจากหัวหิน ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับแนวหน้าในภูเก็ตด้วยการเปิดตัว "The Residences at InterContinental Phuket Resort" บนหาดกมลา มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด "Live Beyond Boundaries in Paradise" โครงการนี้จำกัดเพียง 111 ยูนิต พร้อมสิทธิพิเศษในการใช้บริการโรงแรม InterContinental Phuket Resort ซึ่งเป็นแห่งเดียวในโลกที่ได้รับรางวัล Michelin 2 Keys โดยออกแบบสถาปัตยกรรมในแนว "Far East Paradise" ผสมผสานศิลปะชิโนยูโรเปียนกับเปอรานากัน พร้อมแนวคิดพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการเตรียมขอรับรองมาตรฐาน Fitwel Certification ที่มุ่งเน้นสุขภาวะของผู้อยู่อาศัย
ทั้งสองโครงการสะท้อนทิศทางเดียวกันว่า "แบรนด์" กลายเป็นเครื่องมือสร้างมูลค่าใหม่ในตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต เพราะไม่ได้ขายเพียงโลโก้ แต่คือความเชื่อมั่นในบริการและการดูแลหลังการขาย ซึ่งกลายเป็นปัจจัยหลักที่รักษาระดับราคาและความต้องการได้ต่อเนื่อง แม้ในตลาดที่มีอุปทานหนาแน่นกว่า 30,000 ยูนิต
ขณะเดียวกัน C9 Hotelworks ได้เน้นย้ำว่า ตลาดภูเก็ตกำลังเผชิญกับคลังสต๊อกคอนโดฯจำนวนมากและการแข่งขันจากโครงการไม่ติดแบรนด์ซึ่งราคาย่อมเยากว่า ทำให้ความสามารถในการสร้างความแตกต่างหลังการขายเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งขึ้น ความสำเร็จของ Branded Residence จึงขึ้นอยู่กับ "คุณภาพหลังการส่งมอบ" มากกว่าเพียงภาพลักษณ์ของแบรนด์ ผู้พัฒนาที่ไม่สามารถรักษาคำมั่นเรื่องบริการ การบริหารเช่า หรือการดูแลเจ้าของยูนิตได้ตามมาตรฐาน อาจสูญเสียความได้เปรียบเชิงราคาอย่างรวดเร็ว เพราะกลุ่มผู้ซื้อยุคใหม่เลือกจาก "ประสบการณ์จริง" มากกว่า "ชื่อเสียงบนป้ายโครงการ"
ภูเก็ตจึงกำลังเปลี่ยนจากสมรภูมิของรีสอร์ทและโรงแรม มาเป็นสนามแข่งขันของแบรนด์ระดับโลกที่ต้องพิสูจน์ "คุณค่าเหนือราคา" ผ่านการอยู่อาศัยจริง หากผู้พัฒนาไทยสามารถยืนในสมรภูมินี้ได้ด้วยการยกระดับมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ภูเก็ตจะไม่ใช่เพียงเกาะท่องเที่ยว แต่จะเป็นจุดหมายปลายทางของ "การอยู่อาศัยระดับโลก (World-class Living Destination)" ที่แข่งขันได้กับเมืองชายฝั่งระดับนานาชาติในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ