จับตาอสังหากทม.เทียบชั้นดูไบ-สิงคโปร์บิ๊กเนมแห่ผุดคอนโดหรู
วันที่ : 16 ตุลาคม 2568
คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ มีคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรี ราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร เปิดตัวรวมมากกว่า 6,625 ยูนิต มูลค่าการพัฒนารวมกว่า 205,000 ล้านบาท
อสังหากรุงเทพฯ จ่อเทียบชั้น ‘ดูไบ-สิงคโปร์’ เมื่อ บิ๊กดีเวลลอปเปอร์แห่ลงสนามผุดคอนโดหรู ดันกลายเป็น‘Luxury Real Estate Hub’ แห่งเอเชีย
ในโลกที่เมืองใหญ่กำลังแข่งขันกันยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านสถาปัตยกรรมและไลฟ์สไตล์เหนือระดับ มหานครกรุงเทพ กำลังก้าวเข้าสู่บทใหม่ในฐานะ “Luxury Real Estate Hub” แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้า ลักชัวรี (Ultra Luxury) ที่สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งด้านราคา ทำเล และคุณภาพโครงการ เทียบเท่ากับมหานครระดับโลกอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ และดูไบ
แม้เศรษฐกิจโลกจะยังเปราะบาง แต่อุปสงค์ของผู้ซื้อกลุ่มไฮเอนด์ โดยเฉพาะผู้มั่งคั่งสูง หรือ Ultra High Net Worth Individuals (UHNWI) ยังคงแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จึงไม่ได้ขยับเพียงแนวราบหรือบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรีเท่านั้น แต่ “คอนโดมิเนียมอัลตร้า ลักชัวรี ” กลับกลายเป็นสมรภูมิใหม่ที่ท้าทายและเร้าใจยิ่งกว่า
ตลาดร้อนแรง สวนกระแสเศรษฐกิจ
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ มีคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรี ราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร เปิดตัวรวมมากกว่า 6,625 ยูนิต มูลค่าการพัฒนารวมกว่า 205,000 ล้านบาท
แม้ในช่วงปี 2562-2566 ตลาดชะลอตัวจากผลกระทบโควิด-19 แต่ในปี 2567 การเปิดตัวโครงการใหม่พุ่งกลับมาถึง 958 ยูนิต และคาดว่าช่วงปลายปี 2568 ถึงตลอดปี 2569 จะมีการเปิดขายใหม่กว่า 1,000 ยูนิต ยืนยันถึงความมั่นใจของผู้พัฒนาชั้นนำทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ยังคงทุ่มลงทุนในตลาดบนอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในสถิติที่น่าจับตาคือราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่โครงการหรูหลายแห่งสามารถแตะระดับ 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร ได้เป็นครั้งแรกในไทย เช่น โครงการปอร์เช่ ดีไซน์ ทาวเวอร์ แบงคอก ที่มียูนิตมูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท ถือเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าความหรูหราไม่ใช่แค่คำพูด แต่กลายเป็น “ทรัพย์สินทางสังคม” ที่สะท้อนสถานะและรสนิยมของเจ้าของ
“คอนโดมิเนียมหรูในวันนี้ ไม่ใช่แค่การลงทุนในที่อยู่อาศัย แต่คือการลงทุนในประสบการณ์ชีวิตและภาพลักษณ์”
ทำเลทองคำกลางเมืองหายาก! แต่ยังร้อนแรง
ทำเลสุขุมวิท ทองหล่อ วิทยุ ชิดลม และ สาทร ยังคงครองแชมป์ทำเลที่มีศักยภาพสูงสุด (Super Prime Area) ที่อยู่ “ใจกลางเมือง” (City Prime Area) ทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยและการลงทุน ด้วยความครบเครื่องด้านไลฟ์สไตล์ การเดินทาง และมูลค่าแบรนด์ของพื้นที่ส่งผลให้โครงการใหม่ระดับพันล้าน! ทยอยเปิดตัวหนุนโครงการคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรีไทยเข้าสู่เวทีระดับโลก
“ราคาที่ดินสูงกว่า 4 ล้านบาทต่อตารางวา ในย่านวิทยุ จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไป”
ขณะที่ “ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา” กลับมาได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะโครงการอย่าง The Residences at Mandarin Oriental หรือ Banyan Tree Residences Riverside ที่เน้นวิวแม่น้ำ พื้นที่กว้าง ดีไซน์งามสง่า สำหรับกลุ่มนักลงทุนมองไกล
ทำเลขอบตะวันออกของเมือง หรือ Eastern Fringe ในบริบทของอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ เช่น เอกมัย พระราม 4 หรือ อ่อนนุช กลับกลายเป็น “พื้นที่แห่งโอกาส” เพราะมีราคาที่ยังยืดหยุ่นแต่แฝงด้วยศักยภาพการเติบโตระยะยาว เพราะตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาทำเลศักยภาพสูงแต่ยังมี “Room to Grow” โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจริง พร้อมกับผลตอบแทนในอนาคต
โครงการใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟเตรียมเปิดตัว
ปลายปี 2568 จะเป็นอีกช่วงเวลาที่ตลาดอัลตร้าลักชัวรีในกรุงเทพฯ กลับมาคึกคัก ด้วยโครงการใหม่ระดับไอคอนิก เช่น สติลล์ สุขุมวิท 20 โดยเอสซี แอสเสท ร่วมกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ มูลค่า 6,000 ล้านบาท จำนวน 124 ยูนิต โครงการ InterContinental Residences Bangkok Asoke โดย CG Capital มูลค่า 5,500 ล้านบาท จำนวน 88 ยูนิต และ โครงการของสไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ จากฮ่องกงผนึกกำลัง ซิตี้ เรียลตี้ ของ “ชาลี โสภณพนิช” ถนนวิทยุ 2 อาคาร จำนวน 395 ยูนิต
“โครงการเหล่านี้ไม่เพียงแต่เน้นคุณภาพการก่อสร้าง แต่ยังดึงแบรนด์ระดับโลกมาร่วมพัฒนา สะท้อนการขยับตัวของกรุงเทพฯ เข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล”
ผู้เล่นใหม่ทะยานสู่สนามหรู
แม้ผู้พัฒนาในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังครองส่วนใหญ่ของตลาดนี้ ไม่ว่าจะเป็น แสนสิริ, เอสซี แอสเสท, อนันดา, ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือ โนเบิล แต่ ผู้เล่นนอกตลาด อย่าง CG Capital, 1.6 Development Real Asset หรือ นายเลิศ ปาร์ค ก็เริ่มเข้ามาสร้างสีสัน พร้อมนำเสนอ “DNA" ของแบรนด์ ที่เน้นเอกลักษณ์และประสบการณ์เหนือกว่าราคา
“อัลตร้าลักชัวรียุคใหม่ไม่ใช่แค่เพดานราคา แต่คือการสร้างตัวตนและอัตลักษณ์ของการอยู่อาศัย”
กรุงเทพฯ Luxury Hub แห่งใหม่ของเอเชีย
ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนว่ากรุงเทพฯ กำลังก้าวข้ามจากการเป็นเพียงจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว สู่ศูนย์กลางอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูที่แข่งกับเมืองชั้นนำในเอเชียได้อย่างสมศักดิ์ศรี
“ฮ่องกงมี The Peak สิงคโปร์มี Marina Bay… กรุงเทพฯ กำลังสร้างแลนด์มาร์กหรูในแบบของตัวเอง”
ตลาดคอนโดอัลตร้าลักชัวรีในกรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่ยังอยู่ได้ แต่กำลัง “เบ่งบาน” ด้วยคุณภาพ อุปสงค์จริง และความเข้าใจในดีเทลของการใช้ชีวิตเหนือระดับ การแข่งขันระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำกับผู้เล่นใหม่ที่มี “จุดขายเฉพาะตัว” จะยิ่งทำให้ตลาดนี้น่าจับตามองมากขึ้น
ในโลกที่เมืองใหญ่กำลังแข่งขันกันยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านสถาปัตยกรรมและไลฟ์สไตล์เหนือระดับ มหานครกรุงเทพ กำลังก้าวเข้าสู่บทใหม่ในฐานะ “Luxury Real Estate Hub” แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้า ลักชัวรี (Ultra Luxury) ที่สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งด้านราคา ทำเล และคุณภาพโครงการ เทียบเท่ากับมหานครระดับโลกอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ และดูไบ
แม้เศรษฐกิจโลกจะยังเปราะบาง แต่อุปสงค์ของผู้ซื้อกลุ่มไฮเอนด์ โดยเฉพาะผู้มั่งคั่งสูง หรือ Ultra High Net Worth Individuals (UHNWI) ยังคงแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จึงไม่ได้ขยับเพียงแนวราบหรือบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรีเท่านั้น แต่ “คอนโดมิเนียมอัลตร้า ลักชัวรี ” กลับกลายเป็นสมรภูมิใหม่ที่ท้าทายและเร้าใจยิ่งกว่า
ตลาดร้อนแรง สวนกระแสเศรษฐกิจ
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ มีคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรี ราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร เปิดตัวรวมมากกว่า 6,625 ยูนิต มูลค่าการพัฒนารวมกว่า 205,000 ล้านบาท
แม้ในช่วงปี 2562-2566 ตลาดชะลอตัวจากผลกระทบโควิด-19 แต่ในปี 2567 การเปิดตัวโครงการใหม่พุ่งกลับมาถึง 958 ยูนิต และคาดว่าช่วงปลายปี 2568 ถึงตลอดปี 2569 จะมีการเปิดขายใหม่กว่า 1,000 ยูนิต ยืนยันถึงความมั่นใจของผู้พัฒนาชั้นนำทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ยังคงทุ่มลงทุนในตลาดบนอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในสถิติที่น่าจับตาคือราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่โครงการหรูหลายแห่งสามารถแตะระดับ 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร ได้เป็นครั้งแรกในไทย เช่น โครงการปอร์เช่ ดีไซน์ ทาวเวอร์ แบงคอก ที่มียูนิตมูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท ถือเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าความหรูหราไม่ใช่แค่คำพูด แต่กลายเป็น “ทรัพย์สินทางสังคม” ที่สะท้อนสถานะและรสนิยมของเจ้าของ
“คอนโดมิเนียมหรูในวันนี้ ไม่ใช่แค่การลงทุนในที่อยู่อาศัย แต่คือการลงทุนในประสบการณ์ชีวิตและภาพลักษณ์”
ทำเลทองคำกลางเมืองหายาก! แต่ยังร้อนแรง
ทำเลสุขุมวิท ทองหล่อ วิทยุ ชิดลม และ สาทร ยังคงครองแชมป์ทำเลที่มีศักยภาพสูงสุด (Super Prime Area) ที่อยู่ “ใจกลางเมือง” (City Prime Area) ทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยและการลงทุน ด้วยความครบเครื่องด้านไลฟ์สไตล์ การเดินทาง และมูลค่าแบรนด์ของพื้นที่ส่งผลให้โครงการใหม่ระดับพันล้าน! ทยอยเปิดตัวหนุนโครงการคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรีไทยเข้าสู่เวทีระดับโลก
“ราคาที่ดินสูงกว่า 4 ล้านบาทต่อตารางวา ในย่านวิทยุ จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไป”
ขณะที่ “ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา” กลับมาได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะโครงการอย่าง The Residences at Mandarin Oriental หรือ Banyan Tree Residences Riverside ที่เน้นวิวแม่น้ำ พื้นที่กว้าง ดีไซน์งามสง่า สำหรับกลุ่มนักลงทุนมองไกล
ทำเลขอบตะวันออกของเมือง หรือ Eastern Fringe ในบริบทของอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ เช่น เอกมัย พระราม 4 หรือ อ่อนนุช กลับกลายเป็น “พื้นที่แห่งโอกาส” เพราะมีราคาที่ยังยืดหยุ่นแต่แฝงด้วยศักยภาพการเติบโตระยะยาว เพราะตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาทำเลศักยภาพสูงแต่ยังมี “Room to Grow” โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจริง พร้อมกับผลตอบแทนในอนาคต
โครงการใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟเตรียมเปิดตัว
ปลายปี 2568 จะเป็นอีกช่วงเวลาที่ตลาดอัลตร้าลักชัวรีในกรุงเทพฯ กลับมาคึกคัก ด้วยโครงการใหม่ระดับไอคอนิก เช่น สติลล์ สุขุมวิท 20 โดยเอสซี แอสเสท ร่วมกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ มูลค่า 6,000 ล้านบาท จำนวน 124 ยูนิต โครงการ InterContinental Residences Bangkok Asoke โดย CG Capital มูลค่า 5,500 ล้านบาท จำนวน 88 ยูนิต และ โครงการของสไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ จากฮ่องกงผนึกกำลัง ซิตี้ เรียลตี้ ของ “ชาลี โสภณพนิช” ถนนวิทยุ 2 อาคาร จำนวน 395 ยูนิต
“โครงการเหล่านี้ไม่เพียงแต่เน้นคุณภาพการก่อสร้าง แต่ยังดึงแบรนด์ระดับโลกมาร่วมพัฒนา สะท้อนการขยับตัวของกรุงเทพฯ เข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล”
ผู้เล่นใหม่ทะยานสู่สนามหรู
แม้ผู้พัฒนาในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังครองส่วนใหญ่ของตลาดนี้ ไม่ว่าจะเป็น แสนสิริ, เอสซี แอสเสท, อนันดา, ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือ โนเบิล แต่ ผู้เล่นนอกตลาด อย่าง CG Capital, 1.6 Development Real Asset หรือ นายเลิศ ปาร์ค ก็เริ่มเข้ามาสร้างสีสัน พร้อมนำเสนอ “DNA" ของแบรนด์ ที่เน้นเอกลักษณ์และประสบการณ์เหนือกว่าราคา
“อัลตร้าลักชัวรียุคใหม่ไม่ใช่แค่เพดานราคา แต่คือการสร้างตัวตนและอัตลักษณ์ของการอยู่อาศัย”
กรุงเทพฯ Luxury Hub แห่งใหม่ของเอเชีย
ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนว่ากรุงเทพฯ กำลังก้าวข้ามจากการเป็นเพียงจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว สู่ศูนย์กลางอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูที่แข่งกับเมืองชั้นนำในเอเชียได้อย่างสมศักดิ์ศรี
“ฮ่องกงมี The Peak สิงคโปร์มี Marina Bay… กรุงเทพฯ กำลังสร้างแลนด์มาร์กหรูในแบบของตัวเอง”
ตลาดคอนโดอัลตร้าลักชัวรีในกรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่ยังอยู่ได้ แต่กำลัง “เบ่งบาน” ด้วยคุณภาพ อุปสงค์จริง และความเข้าใจในดีเทลของการใช้ชีวิตเหนือระดับ การแข่งขันระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำกับผู้เล่นใหม่ที่มี “จุดขายเฉพาะตัว” จะยิ่งทำให้ตลาดนี้น่าจับตามองมากขึ้น
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ