เนื่องจากดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย เป็นตัวเลขที่สะท้อนแนวโน้มราคาบ้านเหลือขายที่อยู่ในตลาดว่ามีทิศทางสูงขึ้นหรือต่ำลงเมื่อเทียบจากช่วงเวลาก่อนหน้า จึงทำให้หากนักลงทุนอสังหาฯ มองข้ามข้อมูลตัวเลขสำคัญนี้ไป อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการลงทุนได้หลาย ๆ ด้านดังต่อไปนี้

1. เสี่ยงซื้อบ้านได้ในราคาที่สูงเกินไป

หากดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายสูงขึ้นจากช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยที่นักลงทุนไม่ทราบ การเข้าซื้อบ้านจัดสรรในช่วงเวลาดังกล่าว อาจทำให้ได้บ้านจัดสรรใหม่ที่ราคาสูง และขายต่อได้ยาก เพราะส่วนหนึ่งเราต้องไม่ลืมว่านอกจากบ้านเหลือขายแล้ว ยังมีโครงการบ้านจัดสรรใหม่ ๆ เกิดขึ้นเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าเสมอ ดังนั้น หากบ้านเก่ามีราคาสูง เมื่อเทียบกันกับ บ้านโครงการใหม่ ก็เป็นไปได้ที่ลูกค้าจะตัดสินใจเลือกซื้อบ้านจัดสรรโครงการใหม่มากกว่าบ้านเหลือขาย นั่นเอง จึงทำให้การเข้าซื้อบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายแบบไม่สนดัชนีราคานั้น อาจมีความเสี่ยงทำให้ได้ราคาสูงเกินไป และส่งผลกระทบต่อการลงทุนได้

2. เสี่ยงพลาดโอกาสซื้อบ้านในราคาคุ้มค่า

ในกรณีที่ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายลดต่ำลงต่อเนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะซื้อบ้านที่มีราคาถูก เพื่อนำไปขายต่อ หรือปล่อยเช่าทำกำไรได้ตามแผนการลงทุน แต่ถ้านักลงทุนไม่ได้ติดตามสถานการณ์ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่เลย หรือไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาบ้านจัดสรรผ่านดัชนีราคา ก็จะทำให้พลาดโอกาสหาจังหวะเข้าซื้อบ้านจัดสรรในราคาที่ประหยัดและคุ้มค่าไปได้นั่นเอง

3. เสี่ยงพลาดบ้านในทำเลที่มีโอกาสทำกำไรได้สูงขึ้น

ในรายละเอียดของดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายนั้น จะมีการเจาะลึกแยกให้เห็นด้วยว่าทำเลบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ และ 3 จังหวัดปริมณฑลรอบกรุงเทพฯ อันได้แก่ สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี ทำเลใดมีความเคลื่อนไหวของราคาเป็นไปในทิศทางไหน ซึ่งหากนักลงทุนทราบข้อมูลนี้ ก็จะทำให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาบ้านจัดสรรในทำเลต่าง ๆ ได้ดีขึ้น อันจะนำไปสู่การหาจังหวะเข้าทำกำไรจากการซื้อบ้านได้ถูกและขายในราคาที่สูงกว่าได้กำไรมากกว่าได้ หากสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ

บ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย มีทั้งที่เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ซึ่งถือเป็นรูปแบบหนึ่งของอสังหาฯ ที่เป็นความต้องการของตลาด ดังนั้น การทราบถึงแนวโน้ม ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของราคา จะทำให้นักลงทุนมีข้อมูลในการใช้วิเคราะห์เพื่อให้เห็นได้ว่าจังหวะใดเป็นโอกาส จังหวะใดเป็นวิกฤติหรือความเสี่ยงในการลงทุนตามสไตล์หรือแผนการลงทุนของตัวเอง ซึ่งยิ่งมีข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และทันต่อสถานการณ์มากเท่าไร มีข้อมูลย้อนหลังให้เปรียบเทียบได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยให้นักลงทุนมีข้อมูลใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนได้อย่างมีความเสี่ยงน้อย และมีโอกาสสำเร็จตามเป้าหมายได้มากขึ้น

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์