เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) 17 เม.ย.2561 อนุมัติให้ กคช.จัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (ลำลูกกา คลอง 2) กคช.เตรียมลงพื้นที่และเปิดขายล่วงหน้า ให้ได้จำนวนผู้ซื้อไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหน่วยอาศัยทั้งหมด 820 หน่วย จากนั้นก็เริ่มก่อสร้างโครงการได้เลย เชื่อว่าน่าจะปิดขาย ร้อยละ 50 ได้ภายในไม่กี่เดือนนี้

โครงการนี้ วงเงินลงทุน 903.376 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินกู้ในประเทศ 814.564 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจัดหาและค้ำประกันเงินกู้ และอีก 88.812 ล้านบาท เป็นเงินรายได้ของ กคช.

ส่วนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าฯ (ประชานิเวศน์ 3) จำนวน 556 หน่วย วงเงินลงทุน 464.402 ล้านบาทนั้น แม้ครม.มีมติอนุมัติให้กคช.ดำเนินโครงการ แต่ยังติดขัดเรื่องการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในเร็ววันนี้ โชคดีที่มีพื้นที่เหลือเป็นของกคช.เอง จึงขยับขยายได้โดยสะดวก

ขณะที่ผลการดำเนินงานของ กคช.ในรอบ 5 เดือน ของปี 2561 มีกำไรประมาณ 500 ล้านบาท จากเป้าหมายกำไร 100 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีจะมีกำไรประมาณ 1,000 ล้านบาท จากการปรับปรุงการขาย การลดค่าใช้จ่ายและการปรับปรุงระบบทางบัญชี ขณะที่แนวทางการบริหารจัดการอาคารคงเหลือประมาณ 20,000 หน่วยนั้น กคช.ตั้งเป้าขายในปี 2561 จำนวน 13,301 หน่วย เพียง 4 เดือนแรกขายไปได้แล้ว 9,281 หน่วย จากข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ค. ส่วนที่ยังเหลืออยู่วางแผนขายกับหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการเกษียณอายุที่เป็นสมาชิกของกองทุนบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งกำลังหารือกับเลขาธิการ กบข. โดยจะเสนออาคารชุดโครงการลาดหลุมแก้วเป็นโครงการนำร่องจำนวน 8 อาคาร จากทั้งหมด 16 อาคาร ซึ่งจัดไว้สำหรับเป็นโครงการที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุทั่วไปที่ไม่ใช่ข้าราชการเกษียณ