ศูนย์ข้อมูลฯเผยยอดถือครองกรรมสิทธิ์ตปท. กทม.แชมป์ต่างชาติเจ้าของคอนโดฯ49.8%
Loading

ศูนย์ข้อมูลฯเผยยอดถือครองกรรมสิทธิ์ตปท. กทม.แชมป์ต่างชาติเจ้าของคอนโดฯ49.8%

วันที่ : 8 ตุลาคม 2564
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยข้อมูล การถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ชาวต่างชาติในประเทศไทย โดยพื้นที่การถือครองกรรมสิทธิ์ 3 อันดับแรก คือ 1. กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 2. ภาคตะวันออก 3. ภาคเหนือ
           ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยข้อมูลการถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ชาวต่างชาติในประเทศไทย พบ 3 อันดับแรกพื้นที่ที่ชาวต่างชาติถือครองกรรมสทธิ์มากสุด 1. กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 2. ภาคตะวันออก 3. ภาคเหนือ ขณะพื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ของต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ 49.4% ชลบุรี 30.2%, เชียงใหม่ 7.1%, ภูเก็ต 4.9%, 5. สมุทรปราการ 4.5% ส่วนการเช่าระยะยาวบ้านจัดสรรและคอนโดฯ พบกว่า 1,483 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 5,389 ล้านบาท

          ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวภายหลังที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอเรื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้รวบรวมข้อมูลการถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมคนต่างชาติตั้งแต่ปี ในช่วงปี 61 -63 พบว่า มียอดการโอนกรรมคอนโดฯ สะสม 1,408,310 ตารางเมตร (ตร.ม.) โดยพื้นที่การถือครองกรรมสิทธิ์ 3 อันดับแรก คือ 1. กรุงเทพฯปริมณฑล 777,961 ตารางเมตร (ตร.ม). 2. ภาคตะวันออก 433,399 ตร.ม. และ 3. ภาคเหนือ 102,902 ตร.ม.

          โดยจังหวัดที่มีพื้นที่การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ชาวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. กรุงเทพมหานคร 49.4%, 2. จังหวัดชลบุรี 30.2%, 3. จังหวัดเชียงใหม่ 7.1%, 4. จังหวัดภูเก็ต 4.9%, 5.จังหวัดสมุทรปราการ 4.5% ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ คนต่างชาติทั่วประเทศ พบว่ามีการถือครองกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ห้องชุดเฉลี่ย 10.7%  ของพื้นที่คอนโดทั้งหมด โดยภูมิภาคที่มีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดคนต่างชาติสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. ภาคตะวันออก 29.7%, 2 ภาคเหนือ 20%, 3 ภาคใต้ 16.5% ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีคนต่างชาติถือกรรมสิทธิ์คอนโดฯ มากที่สุด แต่มีอัตราการโอนคนต่างชาติเพียง 7.6% ทั้งนี้อัตราส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดฯ 20% ขึ้นไป จะมีหน่วยการซื้อและรับโอนในระดับราคา 5-20 ล้านบาทขึ้นไป

          สำหรับจำนวนหน่วยการซื้อที่อยู่อาศัยของต่างชาติทั่วประเทศมียอดสะสมระหว่างปี 61-63 ที่ 34,653 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 145,598 ล้านบาท แยกตามสัญชาติผู้ซื้อ 5 อันดับแรก 1. สัญชาติจีน 2. สัญชาติรัสเซีย 3. สัญชาติสหราชอาณาจักร 4. สัญชาติฝรั่งเศส และ 5. สัญชาติญี่ปุ่น

          "เราต้องยอมรับว่าบางโครงการของบางจังหวัด เช่น ภูเก็ต หรือ ชลบุรี หรือโซน CBD ของกรุงเทพฯ อาจมีความต้องการในการถือครองกรรมสิทธิ์พื้นคอนโดที่สูงกว่า 49% ในกรณี เช่นนี้อาจพิจารณาขยายอัตราส่วนการครอบครองกรรมสิทธิ์พื้นที่ห้องชุดเพิ่มสูงกว่า 49% สำหรับบางพื้นที่ในบางจังหวัดก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการซื้อและยังสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หรือเราอาจกำหนดให้ชัดเจนว่า สำหรับกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติในพื้นที่คอนโดฯ ที่เกิน 49% จะต้องเป็นห้องชุดที่มีราคารวมเกินกว่า 10 ล้านบาทเท่านั้น และควรมีข้อกำหนดให้สิทธิในการออกเสียงของคนต่างชาติได้ไม่เกิน 49% ของอัตราส่วนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด ในเรื่องการกำหนดกฎระเบียบต่างๆ ของนิติบุคคลที่ เพื่อสงวนสิทธิ์การบริหารนิติบุคคลให้ผู้ถือครองคนไทยยังเป็นเสียงส่วนใหญ่"

          ดร.วิชัย กล่าวว่า การโอนคอนโดฯ ของคนต่างชาติ ช่วงก่อนการแพร่ระบาด COVID-19 ในปี 61 และ 62 มีจำนวนเฉลี่ยปีละ 13,183 หน่วย โดยมีมูลค่าเฉลี่ย53,932 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 63 การโอนลดลงมาอยู่ที่  8,285 หน่วย มูลค่า 37,716 ล้านบาท โดยล่าสุด ครึ่งแรกปี 64 มีการโอนจากคนต่างชาติ 4,358 หน่วย มูลค่า 20,449 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการโอนจากการซื้อ-ขายช่วงก่อนเกิด COVID-19 ในปี 61 และปี 62

          นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลฯการเช่าอสังหาฯระยะยาวหรือสัญญาเกินกว่า 3 ปีขึ้นไปในช่วงปี 61-63 พบว่า คนต่างชาติมีการจดทะเบียนการเช่า ทั้งประเภทโครงการจัดสรรและอาคารชุดพักอาศัยในช่วง 3 ปี รวม 1,483 หน่วย มูลค่า 5,389 ล้านบาท โดยอยู่ในภาคใต้ 1,172 หน่วย มูลค่า 4,417 ล้านบาท ภาคตะวันออก 164 หน่วย มูลค่า 388 ล้านบาท และภาคเหนือ 96 หน่วย มูลค่า 436 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ สมุทรปราการ ระยอง และประจวบคีรีขันธ์.

 
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ