ตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ แนวโน้มสดใส
Loading

ตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ แนวโน้มสดใส

วันที่ : 3 ตุลาคม 2565
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัย 4 จังหวัดภาคใต้ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สต๊อกโครงการใหม่ลดลง สวนทางยอดขายเพิ่มขึ้น REIC ฟันธงหลังโควิดแนวโน้มสดใส
        
          ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) สะท้อนภาพรวมสถานการณ์ตลาดอยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ช่วงครึ่งแรก ปี 2565 พบว่า จำนวนหน่วยพร้อมขาย (สต๊อก)  และโครงการเปิดขายใหม่  มีปริมาณลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ขณะยอดขายใหม่ เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงจำนวนหน่วยเหลือขายสะสม ปรับตัวลดลง แต่มูลค่าหน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราดูดซับต่อเดือนของตลาดที่อยู่อาศัยของภาคใต้เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ภายหลังสถานการณ์โรคโควิด-19 มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ หรือพื้นที่สำรวจของ REIC พบว่าไม่มีการเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัยในพื้นที่ภาคใต้ แต่มีการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรกระจายทั้ง 4 จังหวัด แสดงให้เห็นว่าโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนบราบมีการฟื้นตัวมากกว่าโครงการอาคารชุด รวมถึงมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของการตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ตโดยมีความเคลื่อนไหวทั้งด้านการเปิดตัวโครงการใหม่ และยอดขายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มีสถาวะที่ทรงตัวในด้านของการเปิดตัวโครงการใหม่ ในขณะที่การขายไปในทิศทางการดีขึ้น

          จากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเสนอขายในพื้นที่ภาคใต้ 4 จังหวัด ช่วงครึ่งแรก ปี 2565 พบว่ามีจำนวน 16,203 หน่วย มูลค่า 71,990 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงครึ่งแรกปี 2564 ทั้งจำนวนหน่วยมูลค่า  โดยจำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -3.0 มูลค่าลดลงร้อยละ -1.3 เมื่อเทียบกับจำนวนหน่วยเสนอขายทั้งหมด ณ ครึ่งแรก ปี 2564

          ครึ่งปีไม่มีอาคารชุดเปิดใหม่

          ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 4,946 หน่วย มูลค่า 22,662 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 11,257 หน่วย มูลค่า 49,328 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 792 หน่วย มูลค่า 4,071 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 2,551 หน่วย มูลค่า 10,592 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 13,652 หน่วย มูลค่า 61,398 ล้านบาท โครงการใหม่ที่เข้าสู่ตลาดเป็นโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด จำนวน 792 หน่วย มูลค่า 4,071 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลงจากครึ่งแรกปี 2564 ร้อยละ -42.9 มูลค่าลดลงร้อยละ -29.9 ล้านบาท

          เมื่อพิจารณาภาพโดยรวมจะพบว่าภาคใต้ไม่มีโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี 2565 ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรกระจายอยู่ในหลายทำเล เช่น เกาะแก้ว-รัษฎา น้ำน้อย และทำเลเกาะย่อ-บ่อยาง

          5ทำเลเปิดขายมากสุด

          โดย 5 ทำเล ที่มีโครงการเสนอขายมากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ คือ อันดับ 1 ทำเลเทพกระษัตรี-ศรีสุนทร จำนวน 1,909 หน่วย มูลค่าโครงการ 7,786 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลหาดในยาง-หาดไม้ขาว จำนวน 1,122 หน่วย มูลค่าโครงการ 3,790 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลหาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 1,086 หน่วย มูลค่าโครงการ 5,525 ล้านบาท อันดับ 4 ทำเลเกาะแก้ว-รัษฎา จำนวน 1,063 หน่วย มูลค่าโครงการ 7,864 ล้านบาท อันดับ 5 ทำเลพัฒนาการคูขวาง จำนวน 973 หน่วย มูลค่าโครงการ 4,742 ล้านบาท

          ในส่วนของโครงการบ้านจัดสรร ที่มีการเสนอขายมากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ 5 ทำเล คือ อันดับ 1 ทำเลเทพกระษัตรี-ศรีสุนทร จำนวน 1,674 หน่วย มูลค่าโครงการ 6,179 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลเกาะแก้ว-รัษฎา จำนวน 1,017 หน่วย มูลค่าโครงการ 7,797 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลพัฒนาการ-คูขวาง จำนวน 973 หน่วย มูลค่าโครงการ 4,742 ล้านบาท อันดับ 4 ทำเลอ้อมค่าย จำนวน 901 หน่วย มูลค่าโครงการ 3,038 ล้านบาท อันดับ 5 ทำเลท่าข้าม-ควนหิน จำนวน 862 หน่วย มูลค่าโครงการ 3,724 ล้านบาท

          ในส่วนของโครงการอาคารชุด ที่มีการเสนอขายมากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ 5 ทำเล คือ อันดับ 1 ทำเลหาดบางเทา - หาดสุรินทร์ จำนวน 1,086 หน่วย มูลค่าโครงการ 5,525 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลหาดในยาง - หาดไม้ขาว จำนวน 922 หน่วย มูลค่าโครงการ 3,307 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลหาดกมลา จำนวน 742 หน่วย มูลค่าโครงการ 4,220 ล้านบาท อันดับ 4 ทำเลหาดราไวย์ จำนวน 474 หน่วย มูลค่าโครงการ 2,904 ล้านบาท อันดับ 5 ทำเลตลาดใหญ่ตลาดเหนือ จำนวน 431 หน่วย มูลค่าโครงการ 1,307 ล้านบาท

          สำหรับสถานการณ์หน่วยเหลือขายในพื้นที่ภาคใต้ ณ ครึ่งแรกปี 2565 มีจำนวน 13,652 หน่วย ลดลงจากไตรมาสแรกร้อยละ-10.1 มูลค่า 61,398 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -8.6 เป็นโครงการอาคารชุด 3,958 หน่วย มูลค่า 18,604 ล้านบาท ซึ่งทำเลที่มีอาคารชุดเหลือขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ อันดับ 1 ทำเลหาดในยาง - หาดไม้ขาว 838 หน่วย มูลค่าโครงการ 3,057 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลหาดบางเทา - หาดสุรินทร์ 752 หน่วย มูลค่าโครงการ 3,968 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลหาดกมลา 675 หน่วย มูลค่าโครงการ 3,719 ล้านบาท

          ในส่วนของโครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายรวม 9,694 หน่วย มูลค่า 42,794 ล้าน อันดับ 1 ทำเลเทพกระษัตรี - ศรีสุนทร 1,524 หน่วย มูลค่าโครงการ 5,637 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลเกาะแก้ว - รัษฎา จำนวน 921 หน่วย มูลค่าโครงการ 7,158 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลพัฒนาการ - คูขวาง 765 หน่วย มูลค่าโครงการ 3,855 ล้านบาท ซึ่งจะสังเกตได้ว่าหน่วยที่เหลือขายส่วนใหญ่จะเป็นประเภทบ้านเดี่ยว

          ในด้านความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย หรืออุปสงค์ พบว่าช่วงครึ่งแรก ปี 2565 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 2,551 หน่วย มูลค่า 10,592 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดเพียง 998 หน่วย มูลค่า 4,058 ล้านบาท และโครงการบ้านจัดสรร 1,563 หน่วย มูลค่า 6,534 ล้านบาท ซึ่งทำเลที่มีหน่วยอาคารชุดขายได้ใหม่สูงสุด 3 อันดับแรกคือ อันดับ 1 ทำเลหาดบางเทา - หาดสุรินทร์ 334 หน่วย มูลค่า 1,558 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลตลาดใหญ่ - ตลาดเหนือ 234 หน่วย มูลค่า 617 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลหาดราไวย์ 89 หน่วย มูลค่า 502 ล้านบาท
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ