ธปท.ไม่ต่อผ่อนคลายLTV อสังหาฯห่วงซื้อบ้านตจว.วูบ
Loading

ธปท.ไม่ต่อผ่อนคลายLTV อสังหาฯห่วงซื้อบ้านตจว.วูบ

วันที่ : 2 พฤศจิกายน 2565
ที่ผ่านมา ภาคอสังหาริมทรัพย์ มีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง และไม่มีสัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และมีสัญญาณเริ่มฟืนตัวอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเข้ามาดูแลป้องกันไม่ให้หนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น
          ธปท.ไม่ต่อผ่อนคลายLTV-อสังหาฯห่วงซื้อบ้านตจว.วูบ

          ธปท.ไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลาย LTV ที่หมดอายุ 31 ธ.ค.65 หลังภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มฟืนตัวชัดเจน ยันไม่กระทบคนรายได้น้อยที่จะมีบ้านหลังแรก แต่ต้องทำเพื่อปิดกั้นการเก็งกำไร และสกัดหนี้ครัวเรือนพุ่ง แม้ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติจากหนี้ NPL ก็ตาม "คลัง" เล็งขยายเวลามาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง 0.01% ออกไปอีก นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ห่วงกระทบกำลังซื้อ โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัด

          น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เห็นควรไม่ต่อมาตรการการผ่อนคลาย LTV หรือหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย ซึ่งจะครบ กำหนดภายในวันที่ 31 ธ.ค.2565 หลังจากเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มฟืนตัวชัดเจนและทั่วถึงมากขึ้น ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งอปุสงค์และอุปทาน ทำให้การจ้างงานในภาค อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทยอยปรับดีขึ้น

          ทั้งนี้ มาตรการ LTV ที่สิ้นสุดลง จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากเกือบทั้งหมดกู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่มูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมาตรการ LTV ปัจจุบันสำหรับซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ผ่อนคลายมากอยู่แล้ว กำหนดไว้ที่ 100% แล้ว และหากมีการขยายระยะเวลาการผ่อนคลายมาตรการ อาจเอื้อให้เกิดการสะสมความเสี่ยงในระบบการเงินในระยะต่อไปได้ เช่น การเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์โดยผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง และส่งผลให้ระดับหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

          "ช่วงที่ผ่านมา ภาคอสังหาริมทรัพย์ มีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง และไม่มีสัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และมีสัญญาณเริ่มฟืนตัวอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเข้ามาดูแลป้องกันไม่ให้หนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น" น.ส.ชญาวดีกล่าว

          สำหรับธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 8 เดือนของปี 2565 ยอดการโอนขยายตัว 8.5% การเปิดโครงการใหม่เฉลี่ย 9,000 หน่วยต่อเดือน ซึ่งใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด-19 เฉลี่ย 9,300 หน่วยต่อเดือน

          นายกฤษฎา จีนะวิจารณา ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ ธปท. ไม่ต่ออายุมาตรการ LTV ว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ซึ่งต้องเป็นไปตามความเห็นของ ธปท. เพราะจะเกี่ยวข้องในเรื่องของความมั่นคงในการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ส่วนกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในส่วนของการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ โดยมาตรการดังกล่าวกำหนดลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ส่วนค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01%

          "หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มหารือกันมา 2-3 รอบแล้ว แต่จะต้องพิจารณาให้รอบด้านก่อน เพราะเป็นรายได้ของท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมา ท้องถิ่นเขาก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" นายกฤษฎากล่าว

          นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ธปท. อาจจะมองดูในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจะมีทั้งโครงการอสังหาริม ทรัพย์ที่ขายได้และขายไม่ได้ โครงการที่ขายได้ดี จะเป็นกลุ่มระดับบน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัด นโยบาย ธปท. ที่ไม่ต่ออายุ LTV น่าจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคน มีผลกระทบต่อจิตวิทยา น่าจะถึงต้นปี 2566 ขณะที่ยังมีปัจจัยพื้นฐานในเรื่องของค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วย

          "การกระตุ้นแม้จะออกมาเพียงเล็กน้อยจากภาครัฐ ก็จะมีผลต่อความรู้สึกต่อการซื้อมากกว่า แต่เวลาผู้ประกอบการลดราคาลงมา ความรู้สึกของคนซื้อ จะไม่ค่อยมากเท่ากับของภาครัฐ ผมดูแล้ว การแก้ปัญหาเรื่อง LTV แก้เรื่องหนี้สิน ก็อาจจะจริงๆ ว่า แก้ไม่ตรงประเด็น ไม่ตรงจุด เพราะภาพรวมมันกระทบ ชะลอตัว ถ้าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างจังหวัดชะลอตัวแน่ จากข้อมูลของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่าอสังหาริมทรัพย์ทางภาคอีสาน และภาคตะวันออก ที่อยู่อาศัยในกลุ่มกลางและล่างกระทบอย่างรุนแรงเลย แต่ที่พอไปได้ คือ ระดับกลางไปถึงระดับบน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และที่ภูเก็ต แต่สัดส่วนเมื่อเทียบเป็นจำนวนเงินมันน้อย" นายมีศักดิ์กล่าว