ผวาแบงก์ล้มลามพอร์ตลงทุนตื่นแห่ช้อปทอง
Loading

ผวาแบงก์ล้มลามพอร์ตลงทุนตื่นแห่ช้อปทอง

วันที่ : 16 มีนาคม 2566
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยว่า เมื่อเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวเข้ามาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯ ทำให้เกิดที่อยู่อาศัยรองรับหลายรูปแบบมากขึ้น เป็นโอกาสดีต่อผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าออกมารองรับดีมานด์ต่างชาติ
          ราคาพรวด-ลุ้นนิวไฮ3.2หมื่นแมงเม่าเลิกตกใจหุ้นดีด41จุดชัชชาติรื้อผังกทม.อุ้มตึกสูง

          พิษแบงก์มะกันล้ม นักลงทุนหันซื้อทอง ลุ้นนิวไฮบาทละ 3.2 หมื่น ตลาดหุ้นหายตกใจดีดแรง 41 จุด 'อาคม'ยันเกาะติดผลกระทบแม้ รบ.รักษาการ

          อาคมไม่ห่วงกระทบแบงก์ล้ม เมื่อวันที่ 15 มีนาคม นายอาคม เติมพิทยา ไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ถึงกรณีการปิดตัวลงของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank : SVB) และ ซิกเนเจอร์แบงก์ (Signature Bank) ในสหรัฐ ว่า คงไม่มีผลกระทบกับแผนเงินกู้ในตลาดตราสารหนี้ ที่จับตาดูอยู่ยังไม่มีอะไร และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังดูแลอยู่ เชื่อว่าจะมีการจำกัดผลกระทบส่วนนี้ให้น้อยลง หากเกิดความผันผวนขึ้นมาในช่วงรัฐบาลยุบสภา สามารถใช้มาตรการเข้าไปดูแลในช่วงรักษาการได้หรือไม่นั้น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใดๆ ที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง จำเป็นต้องเข้าไปดำเนินมาตรการเพื่อดูแลประชาชน คาดหวังว่าเหตุที่เกิดขึ้นในสหรัฐจะไม่ได้รับผลกระทบในวงกว้าง หากไม่ได้เป็นประเทศที่ไปลงทุน และฝากเงินใน 2 แบงก์นั้นจำนวนมาก

          "ส่วนถามว่าจำเป็นต้องออกมาตรการมาดูแลเช่นใดนั้น ก็ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่าปัญหาจะเป็นเรื่องอะไร วิกฤตที่เกิดขึ้นในสหรัฐ แบงก์ที่ปิดตัวเป็นธนาคารในภูมิภาค แม้จะอยู่ที่อันดับ 16 ก็ตาม แต่หากขยายไปสู่แบงก์ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ก็อาจจะมีผล กระทบ" นายอาคมกล่าว

          เผยตลาดหุ้นเริ่มรีบาวด์ขึ้น นายอาคมกล่าวว่า กรณีตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างแกว่งนั้น ไม่ได้เป็นเฉพาะประเทศไทย ยังรวมถึงตลาดหุ้นทุกกระดานทั่วโลก สาเหตุสำคัญมาจากการปิดธนาคาร SVB และซิกเนเจอร์แบงก์ สร้างความตกใจไปทั่วโลก อย่างไรก็ดี มาตรการดูแลของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ออกมา และสถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐก็ประกาศคุ้มครองเงินฝาก 100% รวมทั้งมีมาตรการ 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐที่มาอุ้มธนาคาร ประชาชนก็จะได้รับการชำระเงินคืน สร้างความมั่นใจให้กับตลาดเงินในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วจนถึงต้นสัปดาห์นี้

          "วันนี้จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มรีบาวด์ขึ้นมา แต่ต้องใช้เวลาสักระยะเข้าไปดูแลก่อนเกิดการปิดแบงก์ที่สหรัฐ ส่วนของไทยได้หารือกับ

          ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้มีธุรกรรมกับ 2 แบงก์ที่ปิดไป แต่ส่วนที่มีเป็นเรื่องคริปโทเคอร์เรนซีจาก 2 แบงก์กำลังอยู่ระหว่างจับตาดู" นายอาคมกล่าว และว่า กรณีของซิกเนเจอร์แบงก์นั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องตลาดดิจิทัล ส่วน SVB จะเน้นไปถึงสตาร์ตอัพและเทคโนโลยี ส่วนหนึ่งที่ทำให้ธนาคารปิดตัวลง เป็นผลมาจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ค่อนข้างเร็วและแรง จึงอาจทำให้ต้นทุนของธุรกิจเพิ่มขึ้น และสภาพคล่องหายไป จึงจำเป็นต้องถอนเงินในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว แต่ในส่วนของประเทศไทยเท่าที่ประเมินดูยังไม่มีผลกระทบอะไร

          กบข.แจงไม่มีลงทุน3แบงก์ที่ล้ม  นางศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงกรณีธนาคารใหญ่ในสหรัฐ 3 แห่ง ได้แก่ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB) ธนาคาร ซิกเนเจอร์ (Signature Bank) และธนาคารซิลเวอร์เกท (Silvergate Bank) ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องจนถูกสั่งปิดกิจการและถูกควบคุมโดยหน่วยงานภาครัฐว่า กบข.ไม่มีการลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ของธนาคารทั้ง 3 แห่ง หรือสินทรัพย์ดิจิทัลแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ขยายวงกว้างและลุกลามไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่อาจส่งผล กระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากสหรัฐออกมาตรการควบคุมและจำกัดผลกระทบให้อยู่ในวงแคบ เพื่อลดความตื่นตระหนกของประชาชน และฟ้นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมยืนยันเสถียรภาพของระบบการเงินของสหรัฐว่ายังมีความแข็งแกร่ง

           กบข.มองว่าตลาดลงทุนยังผันผวนจากความไม่แน่นอน ของนโยบายอัตราดอกเบี้ย ภาวะเงินเฟ้อ การขาด ความเชื่อมั่นจากนักลงทุน รวมถึงกลุ่มแวนเจอร์ แคปและสตาร์ตอัพจะมีความสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนน้อยลง คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป อาจส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนโดยรวมของ กบข.บ้าง อย่างไรก็ตาม กบข.ได้ติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด และได้ดำเนินนโยบายการลงทุนอย่างรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่สมาชิก

          พิษแบงก์ล้มนักลงทุนหนีซื้อทอง นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทองคำ นับตั้งแต่ต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน ปรับขึ้นมาแล้ว กว่า 1,150 บาทต่อบาททองคำ โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมนี้ บวกแล้ว 800 บาทต่อบาททองคำ ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 31,100 บาทต่อบาททองคำ ราคาทองคำปรับขึ้นร้อนแรงตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ตอบรับวิกฤตธนาคารสหรัฐขาดสภาพคล่องจนต้องปิดตัวไปแล้ว 3 แห่ง ยังไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่รายรอปิดตัวเพิ่มอีก ทำให้ทองคำถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยหรือเซฟเฮฟเว่นในการลงทุนอีกครั้ง เพราะขณะนี้ตลาดมีความกังวลกับการล้มของแบงก์สหรัฐสูงมาก

          "มีการมองภาพย้อนกลับไปเมื่อปี 2551 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐ ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องพิมพ์เงินเพิ่มจำนวนมาก (คิวอี) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นการทำคิวอีครั้งแรกในรอบนั้นด้วย โดยในช่วง 10 ปีก่อนหน้า ทองคำถือเป็นฮีโร่ในช่วงวิกฤตการเงิน ทำให้นักลงมุนมองว่าทองคำอาจเป็นฮีโร่อีกครั้งได้ แต่ภาพปัจจุบันแตกต่างกัน เพราะดอกเบี้ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ระดับต่ำมาก แต่ตอนนี้ก็คงค้างอยู่สูงมาแทน" นายพิบูลย์ฤทธิ์กล่าว

          ลุ้นทะลุนิวไฮบาทละ32,100บ. นายพิบูลย์ฤทธิ์กล่าวว่า วันที่ 22 มีนาคมนี้ จะมีการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องติดตามว่าเฟดจะมีท่าทีผ่อนคลายลงบ้างหรือไม่ หลังจากตัวเลขดัชนีซีพีไอออกมาเฟ้อน้อยกว่าคาด บวกกับวิกฤตแบงก์สหรัฐล้มลงนั้น จะทำให้เฟดประเมินถึงผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและชะลอการขึ้นดอกเบี้ยลงหรือไม่ หากยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยตามเป้าหมาย อาจทำให้เกิดแรงกดดันในตลาดทองคำและตลาดสินทรัพย์อื่นทั่วโลกด้วย เนื่องจากเมื่อดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง สินทรัพย์ทั่วโลกก็จะถูกเทขายออกมา เดิมเราประเมินเป้าหมายทองคำราคาสูงสุดอยู่ที่ 31,500 บาทต่อบาททองคำ ขณะนี้ราคาก็เข้าใกล้บริเวณดังกล่าวแล้ว จึงมองว่าอาจไปได้สูงกว่านี้ แต่จะถึง 32,100 บาทต่อบาททองคำ เป็นจุดนิวไฮในปี 2565 หรือไม่ อาจต้องรอประเมินการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ หากชะลอการขึ้นดอกเบี้ยลง ก็มีโอกาสจะราคาทองคำจะถูกดันขึ้นได้อีก นักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อสะสมเพิ่มเติม อาจต้องมองในบริเวณ 30,500 บาทต่อบาททองคำ หรือ 30,000 บาทต่อบาททองคำ หากราคาลงไปถึง เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีกองทุนทองคำหันมาซื้อสุทธิทองคำเพิ่มขึ้นด้วย เพราะอาจเริ่มกังวลว่า เงินที่อยู่ในธนาคารอาจมีความอันตรายมากกว่าเดิมได้

          หุ้นหายตื่นดีดแรงบวก41จุด

          ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมาว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวก เปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,523.89 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,565.00 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 41.11 จุด หรือ 2.70% ดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,573.51 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,543.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 69,699.24 ล้านบาท

          นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้น (รีบาวด์) ได้แบบรุนแรง หลังจากวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ดัชนีปรับลดลงลึกกว่า 50 จุดแบบร้อนแรงเช่นกัน ภาวะการปรับลดลงกว่า 3% ในวันก่อนหน้านั้น เกิดจากแรงตื่นตระหนก (แพนิก) ของนักลงทุนรับข่าวธนาคารสหรัฐปิดตัวไปแล้ว 3 แห่ง ทำให้เกิดความต้องการดึงเงินกลับ เพราะกังวลความเสี่ยงเกิดจากสภาพคล่อง แต่ผล กระทบจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ของไทย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีวิกฤตที่เกิดขึ้น และความแข็งแกร่งของแบงก์ไทยก็มีสูงมากด้วย

          "การปรับลดลงไม่กี่วันเป็น 100 จุดนั้นเป็นเพราะเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลออก เกิดเหมือนกันทั่วโลก แต่เพราะนักลงทุนแพนิกทำให้เกิดแรงเทขาย รวมถึงสถาบันในประเทศด้วย ตลาดหุ้นต่างประเทศรีบาวด์เพราะสัญญาณของเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามคาด ทำให้ตลาดตอบรับเชิงลบไปแล้วเริ่มกลับมาพร้อมลุยมากขึ้น" นายวิจิตรกล่าว

          หอค้าหวั่นแบงก์ล้มส่งออกแย่ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีธนาคารในสหรัฐปิดตัวลงนั้น กระทบต่อภาคการส่งออกของไทยแน่นอน เพราะตลาดสหรัฐถือเป็นตลาดที่ใหญ่ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังความเชื่อมั่นของคนในสหรัฐด้วย รวมถึงต้องจับตาตลาดสภาพยุโรป (อียู) ควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นจึงอยากเร่งรัดให้รัฐบาลรีบจัดการเรื่องความตกลงการค้าระหว่างประเทศ หรือเอฟทีเอ ทั้งในส่วนของสหรัฐและอียูให้ชัดเจน เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทย หลังจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เจรจาที่กรุงบรัสเซลส์ คาดว่าจะสรุปข้อตกลงไทย-อียูได้ภายใน 2 ปีข้างหน้า จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยขยายตลาดได้แน่นอน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กังวลว่าจากวิกฤตสหรัฐปิดธนาคารครั้งนี้จะทำให้การส่งออกครึ่งปีแรกติดลบเกือบทุกเดือน หวังว่าครึ่งปีหลังจะดีขึ้น เชื่อว่าช่วงปลายปี 2566 การส่งออกอาจจะติดลบไม่มาก แค่ราว 1% หรือขยายตัวเป็น 0% ได้

          เชื่อมั่นอุตฯก.พ.สูงสุดรอบ47ด. นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 สำรวจผู้ประกอบการ 1,316 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.อยู่ที่ระดับ 96.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 93.9 ในเดือนมกราคม สูงสุดในรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิตตามการฟ้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ การบริโภคและภาคการท่องเที่ยวฟ้นตัวชัดเจน และอานิสงส์การเปิดประเทศของจีน ขณะเดียวกันการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ตลอดจนการเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ต้นทุนประกอบการประเภทราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ปัจจัยกดดันความเชื่อมั่น ของผู้ประกอบการมาจากอุปสงค์ของประเทศ คู่ค้าหดตัวลง เศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะถดถอย สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยัง ยืดเยื้อ ปัญหาเงินเฟ้อสูงในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนยังเป็นความเสี่ยงต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย

          อุทธรณ์บัตรคนจนทะลุล้านราย

          นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ปี 2565 ณ วันที่ 15 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ยืนยันตัวตนสำเร็จ 8.94 ล้านราย ส่วนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ 1.01 ล้านราย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นมา พบว่ามีประเด็นปัญหาผู้ผ่านเกณฑ์เดินทางไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ ธ.ก.ส.พร้อมกันจำนวนมาก ทำให้เกิดความล่าช้า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการให้ธนาคารทั้ง 3 แห่งดังกล่าว เปิดให้ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถยืนยันตัวตนได้ทุกวัน รวมวันเสาร์-อาทิตย์ สาขาทั่วไปตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. และสาขาในห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น. ช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 11-31 มีนาคม 2566 เพื่ออำนวยความสะดวกให้

          ขอแบงก์เปิดบช.ให้ผู้ผ่านเกณฑ์ นายพรชัยกล่าวว่า สำหรับประเด็นปัญหาผู้ผ่านเกณฑ์ยังไม่มีบัญชีธนาคารจะต้องเปิดบัญชีธนาคารและผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชน กระทรวงการคลังได้ประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ทั้ง 14 แห่ง รวมทั้งธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. ให้ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถเปิดบัญชีพื้นฐาน เป็นบัญชีเงินฝากไม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชี ประเภทบัญชีดังกล่าวเป็นการให้บริการเฉพาะผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ผ่านเกณฑ์ต้องการเปิดบัญชีเพื่อรับสิทธิสวัสดิการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุไม่สามารถเดินทางได้ รวมทั้งบุคคลล้มละลายยังไม่สามารถเปิดบัญชี และหรือไม่สามารถผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนได้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง จะประกาศให้ประชาชนทราบแนวทางในการดำเนินการโดยเร็วต่อไป นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งการให้สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศเปิดให้บริการแก่ผู้ลงทะเบียนต้องการตรวจสอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติในวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ตั้งแต่วันที่ 11-26 มีนาคม 2566 ช่วยลดความแออัดการเดินทางไปอุทธรณ์ในวันทำการปกติ

          กองสลากเริ่มหวยแอล6ก่อน  นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้สำนักงานสลากออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ จากนี้ต้องประกาศกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลรูปแบบใหม่ ทั้งสลากกินแบ่งรัฐบาล แบบตัวเลข 6 หลัก (แอล 6) และสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 3 หลัก (เอ็น 3) เพื่อเสนอ ครม.เห็นชอบอีกครั้ง ส่วนรายละเอียดปริมาณสลาก ช่วงเวลาจำหน่าย ช่องทาง และวิธีการจำหน่าย สำนักงานสลากฯจะพิจารณาต่อไป

          "การออกสลากรูปแบบใหม่จะเป็นอีกทางเลือกที่ควบคุมราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาออกผลิตภัณฑ์สลากหลายประเภท ช่วยลดราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลลงมาได้ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาหวยใต้ดินทางอ้อม เพราะเป็นตัวเลือกถูกกฎหมาย ส่วนช่องทางจำหน่ายจะคำนึงถึงการกระจายรายได้ให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสด้วย เพื่อให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสเป็นตัวแทนจำหน่าย เพิ่มจากตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบัน" นายลวรณกล่าว

          พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่าจะมีการออกผลิตภัณฑ์สลากใหม่ได้เมื่อไร หรือมีจำนวนแค่ไหน เพราะหลัง ครม.เห็นชอบแล้ว จึงจะเป็นอำนาจของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลพิจารณารายละเอียด อาทิ ช่วงเวลาจำหน่าย วิธีและช่องทางจำหน่าย ปริมาณสลากที่เหมาะสม

          "เบื้องต้นเป็นไปได้ว่าลอตเตอรี่ แอล 6 น่าจะเริ่มก่อน เพราะรูปแบบสลากแอล 6 จะเป็นเหมือนสลากกินแบ่งรัฐบาลปัจจุบัน เพียงแต่ไม่ต้องพิมพ์เป็นใบ อาจนำแอล 6 เข้ามาใส่เพิ่มในสลากดิจิทัล ไม่ต้องไปเบียดบังโควต้าสลากใบเหมือนปัจจุบัน" พ.ท.หนุนกล่าว

          แผงย่อยโวยหวยรัฐใหม่ '3ตัว'

          กรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติการออกหวย 3 ตัว และ 6 ตัว ที่ จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยบริเวณศาลหลักเมืองขอนแก่น

          น.ส.กัญญาภัทร ขะพินิจ อายุ 59 ปี ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า คิดว่าไม่สามารถแก้ปัญหาหวยใต้ดินและสลากราคาแพงได้ เพราะ ยี่ปัวส่งแพงอยู่แล้ว แม่ค้ารายย่อยก็ต้องรับมาขายเพื่อเอากำไรนิดหน่อย นโยบายดังกล่าวยังแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ถ้าออกหวย 3 ตัว 6 ตัว จะกระทบกับผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างมาก เพราะว่าคนหาเช้ากินค่ำกว่าจะขายได้แต่ละใบยาก ถ้ารัฐบาลออกมาขายแบ่งแบบนี้ ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยจะอยู่ยังไง ทุกคนต้องหาเลี้ยงครอบครัว ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน เหมือนรัฐบาลทำมาแข่งกับประชาชน มาฆ่าผู้ค้ารายย่อย ช่วงนี้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลส่งแพงมาก ราคาสลากใบแบบใบเดียวราคา 97-98 บาท เลขชุดใบละ 111 บาท มาขายก็มีกำไรนิดหน่อย พอได้เลี้ยงครอบครัว รัฐบาลแก้ไม่ได้แน่นอน ยังไงก็เหมือนเดิม ปัญหาเดิมๆ ประชาชนตาดำๆ รับกรรม รัฐบาลอยากทำอะไรก็ทำ ไม่เคยคิดถึงประชาชนอยู่แล้ว

          น.ส.ปุณิกา ราชบัณฑิต อายุ 50 ปี ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า กระทบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยแน่นอน เพราะทำสลากดิจิทัลออกมาครั้งที่แล้วก็กระทบมากอยู่แล้ว ทำให้สลากหายากขึ้นและแพงขึ้นไปอีก บางงวดพุ่งสูงไปถึงใบละ 130 บาท งวดนี้ใบเดียวอยู่ที่ใบละ 97 บาท เลขชุดอยู่ที่ราคาใบละ 111 บาท

          'ชัชชาติ'เขย่าใหม่ผังเมืองกทม. ที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและสมาคมอาคารชุดไทย จัดงานสัมมนาอสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2023

          นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร (กทม.) ปาฐกถาพิเศษหัวข้อเรื่องผังเมืองและหน่วยงานภาครัฐจะสนับสนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไรว่า การพัฒนาเมืองกับอสังหาริมทรัพย์ต้องไปด้วยกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน กทม. ผู้จัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ทำงานร่วมกับภาคอสังหาฯ ให้สามารถสร้างที่อยู่อาศัยในราคาไม่แพง เพื่อให้เมืองขยายตัวและเติบโต กทม.อยู่ระหว่างปรับปรุงผังเมืองรวมกรุงเทพฉบับใหม่ เพราะกฎหมายใหม่กำหนดให้มีผังแบบท้าย 6 ผัง จึงต้องทำเพิ่มอีก 2 ผัง เริ่มกระบวนการใหม่ คาดปลายปีนี้หรือในปี 2567 จะแล้วเสร็จ การกำหนดสีการใช้ประโยชน์ที่ดินคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่อาจปรับข้อกำหนดให้ตอบโจทย์เมืองมากขึ้น ในอนาคตธุรกิจอสังหาฯยังต้องเติบโตได้อีก รูปแบบผังเมืองรวมของ กทม.จะกำหนดเป็นสีว่าสร้างได้สูงสุดเท่าไหร่ ไม่ได้บอกว่าควรจะสร้างอะไรได้ไม่ได้ บางพื้นที่อาจมีทั้งโรงแรมคอนโดมิเนียมรวมกัน ในผังเมืองใหม่ กทม.จะกำหนดมาตรการช่วยแนะนำการพัฒนา เช่น กำหนดอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่เดิมหรือ FAR โบนัส หากทำตามกำหนดจะได้โบนัสสร้างอาคารเพิ่ม เช่น พื้นที่ถ่วงน้ำ ที่จอดรถ เป็นต้น จะทำให้เมืองพัฒนาเป็นระเบียบมากขึ้น จะพัฒนาผังเมืองเฉพาะ มีแผนจะทำ 2 แห่ง ลาดกระบังกับบางขุนเทียนเป็นต้นแบบ รวมถึงพื้นที่ท่าเรือคลองเตย 2,000 ไร่ จะนำมาพัฒนาผังเมืองพิเศษได้ หลังย้ายท่าเรือคลองเตยไปแล้ว ตามแผนการแก้ปัญหาฝุ่นในปี 2565-2567

          รื้อโครงข่ายถนนกว่า200สาย นายชัชชาติกล่าวว่า นอกจากนี้ ผังเมืองยังมีปัญหาเรื่องความไม่ต่อเนื่องกับจังหวัดปริมณฑล ทำให้มีความไม่สอดคล้องกันของผังเมือง ต่อการดำเนินชีวิตและธุรกิจ อีกทั้งโครงข่ายถนนที่ไม่ได้สร้างตามผังเมืองสร้างได้แค่ 1.5% ผังเมืองใหม่จะทบทวนโครงข่ายถนนมีอยู่กว่า 200 สายใหม่ว่าสายไหนจะทำหรือไม่ทำ ถ้าทำไม่ได้ต้องเอาออก บางสาย 10 ปียังไม่ได้สร้าง แต่กายภาพเปลี่ยนไปแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามแผนมากขึ้น เพราะเมื่อใส่ถนนไว้ในผังเมือง ทำให้การซื้อขายที่ดินก่อสร้างในแนวถนนทำได้ยาก รวมถึงจะทบทวนการกำหนดที่จอดรถขั้นต่ำในบางพื้นที่ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ เช่น ศูนย์การค้าแนวรถไฟฟ้า ส่วนคอนโดมิเนียมคงต้องพิจารณาให้ดี เพราะหากจำกัดที่จอดรถ จะทำให้ไปจอดบนริมถนนสร้างความเดือดร้อนให้คนอยู่รอบข้าง ขณะเดียวกันจะให้ผังเมืองรวมเข้าไปมีบทบาทแก้ปัญหาฝุ่นในส่วนของอาคารสูงว่าจะมีการระบายของอากาศหรือไม่ จะทบทวนอัตราส่วนของพื้นที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม หรือ OSR หรือการออกแบบ ให้มีทิศทางลมเมื่อยื่นรายงาน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอด้วย เพราะการมีตึกสูงจำนวนมากอาจทำให้เกิดการขังฝุ่นได้

          ภูเก็ตคึกทุนกรุง-ต่างชาติบุก นางน้ำฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังโควิดคลี่คลายและการเกิดความตึงเครียดการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้มีต่างชาติหนีหนาวหนีสงครามมาอยู่เมืองไทยมากขึ้น ในรูปแบบทำงานไปด้วยและอยู่อาศัยระยะยาวขึ้น รวมถึงเข้ามารักษาด้านสุขภาพ ดังนั้นผู้ประกอบการอสังหาฯจะพัฒนาตึกสูงระฟ้าต้องอย่าลืมเสน่ห์ตอบโจทย์การท่องเที่ยวด้วย เช่น หาคาแร็กเตอร์เฉพาะและมีสตอรี่ เหมือนกับภูเก็ตเป็นเมืองโอลด์ทาวน์ เป็นต้น

          นายบุญ ยงสกุล ประธานกรรมการบริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด และอดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนส่วนกลางและต่างประเทศเข้ามา ท่องเที่ยวและลงทุนภูเก็ตจำนวนมาก ทำให้ภูเก็ตมีโอกาสพลิกฟ้นกลับมาค่อนข้างสดใส ไม่ว่าธุรกิจอสังหาฯและธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ หลังโควิดมีคนเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้น 2 เท่า เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ล่าสุดมีทุนส่วนกลางเข้าไปลงทุน

          วิลล่าบูม-ต่างชาติแห่ซื้อคอนโด นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการผู้อำนวยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) กล่าวว่า เมื่อเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวเข้ามาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯ ทำให้เกิดที่อยู่อาศัยรองรับหลายรูปแบบมากขึ้น เป็นโอกาสดีต่อผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าออกมารองรับดีมานด์ต่างชาติ สุดท้ายแล้วอาจจะมาตั้งรกรากทำธุรกิจ ขณะเดียวกันมีสินค้าพร้อมอยู่ ในตลาดอยู่มากพอสมควร คาดว่าตลาดอสังหาฯ และเศรษฐกิจจะฟ้นตัวเต็มที่ในปี 2567 โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ต่างชาติสามารถซื้อได้ตามกฎหมายในสัดส่วน 49% ปีนี้ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีก่อน แต่แนวราบยังขยายตัวได้ดีกว่าคอนโดมิเนียมเริ่มตั้งทรง ต้องรออีกสักระยะหนึ่ง

          ส่วนพูลวิลล่าสำรวจซัพพลายใน 27 จังหวัด มีประมาณ 1,000 ยูนิต เช่น ประจวบคีรีขันธ์ หัวหิน สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป ภูเก็ตมียอดขายสูง ขยายตัวเป็น 100% สะท้อนให้เห็นว่าอสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์ค่อนข้างดี ขณะที่ การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาตินั้นในปี 2565 อยู่ที่กว่า 60,000 ล้านบาท จีนยังเป็นที่หนึ่งในทุกพื้นที่รวมถึงเชียงใหม่ และมูลค่าการโอนมากสุดกว่า 20,000 ล้านบาท รองลงมาเป็นเมียนมา กัมพูชา ไต้หวัน ฝรั่งเศส อินเดีย ส่วนใหญ่ซื้อเป็นบ้านหลังที่สองมากขึ้น