ทาวน์เฮาส์ ราคาต่ำ 1.5 ล้าน ใกล้สูญพันธุ์ อสังหาฯสู้ต้นทุน ที่ดินแพงไม่ไหว
วันที่ : 11 มกราคม 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดทาวน์เฮ้าส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ปัจจุบันมีซัพพลายเหลือน้อยลง เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นทั้งราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้าง ทำให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาโครงการใหม่ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทตอนนี้ไม่มีในตลาดแล้ว
ทาวน์เฮาส์ ราคาต่ำ 1.5 ล้าน ใกล้สูญพันธุ์ อสังหาฯสู้ต้นทุน ที่ดินแพงไม่ไหว
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยน่าห่วงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 คือ กำลังซื้อที่จะเป็นจัยจัยชี้ขาด เพราะสะท้อนในหลายเรื่อง ทั้งภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน ทำให้ความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อยาก เกิดปัญหายอดถูกปฎิเสธสินเชื่อหรือรีเจกต์เรตสูงขึ้น40-50% ในกลุ่มระดับต่ำ 3 ล้านบาท ขณะเดียวกันการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ราคาที่ดินแพง ค่าแรงเพิ่ม เป็นอีกปัจจัยกดดันต้นทุนการก่อสร้างบ้านและกำลังซื้อในตลาด ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจในปีนี้ดีและดอกเบี้ยปรับตัวลดลง จะเป็นปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก
"จากราคาที่ดินแพงขึ้น รถไฟฟ้าต่อขยายไปถึงชานเมือง ทำให้วิถีการใช้ชีวิตและรูปแบบการพัฒนาโครงการเปลี่ยนไป ขนาดพื้นที่บ้านเล็กลง และขยับไปอยู่ชานเมืองมากขึ้น ซึ่งบ้านแฝด 35 ตารางวา ราคา 2 ล้านปลายๆถึง 5-6 ล้านบาท จะแทนที่บ้านเดี่ยว 50 ตารางวา ส่วนคอนโดมิเนียมราคาถูก จะมาทดแทนทาวน์เฮาส์ชานเมืองถาวร ปิดฉากทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ขณะนี้ราคาจะเริ่มต้น 2 ล้านต้นๆ ยกเว้นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวทำเลนิคมอุตสาหกรรม ส่วนบ้านราคา 10-30 ล้านบาทในเมืองจะขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะที่ดินในซอยเล็กๆ ไม่สามารถขึ้นคอนโดมิเนียมได้"นายอิสระกล่าว
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดทาวน์เฮ้าส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ปัจจุบันมีซัพพลายเหลือน้อยลง เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นทั้งราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้าง ทำให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาโครงการใหม่ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทตอนนี้ไม่มีในตลาดแล้ว โดย ณ สิ้นไตรมาส3ของปี 2566 พบว่าทาวน์เฮาส์ราคา 1-1.5 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายจำนวน 2,246 หน่วย มูลค่า 3,384 ล้านบาท ส่วนโครงการเปิดใหม่ใน 3 ไตรมาสของปี 2566 มีจำนวน 408 หน่วยเท่านั้น
"ทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท เป็นตลาดของคนชั้นกลางที่พอมีรายได้ ซึ่งความต้องการซื้อยังมีอยู่ แต่ไม่มีผู้ประกอบการผลิตสินค้าออกมาสู่ตลาด หลังจากที่ต้นทุนสูงขึ้นมาก ทำให้ในช่วงหลังจะมีทาวน์เฮ้าส์ราคา 2-3 ล้านบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับทำเล ขณะที่ผู้ประกอบการมีการปรับโปรดักต์เป็นทาวน์โฮมมากขึ้น โดยข้อมูลรวมทั้ง 3 ไตรมาสของปี 2566 มีหน่วยเปิดขายอยู่กว่า 32,000 หน่วย แต่ในต่างจังหวัดยังมีสินค้าอยู่ ส่วนใหญ่อยู่ทำเลเป็นนิคมอุตสาหกรรมและแหล่งงาน สะท้อนได้ว่าขณะนี้ภาพรวมตลาดทาวน์เฮาส์ยังทรงๆตัว แต่ก็มีทิศทางลดลงดูจากช่วงไตรมาส1และไตรมาส2ของปี 2566 ที่เปิดตัวลดลง" นายวิชัยกล่าว
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยน่าห่วงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 คือ กำลังซื้อที่จะเป็นจัยจัยชี้ขาด เพราะสะท้อนในหลายเรื่อง ทั้งภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน ทำให้ความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อยาก เกิดปัญหายอดถูกปฎิเสธสินเชื่อหรือรีเจกต์เรตสูงขึ้น40-50% ในกลุ่มระดับต่ำ 3 ล้านบาท ขณะเดียวกันการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ราคาที่ดินแพง ค่าแรงเพิ่ม เป็นอีกปัจจัยกดดันต้นทุนการก่อสร้างบ้านและกำลังซื้อในตลาด ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจในปีนี้ดีและดอกเบี้ยปรับตัวลดลง จะเป็นปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก
"จากราคาที่ดินแพงขึ้น รถไฟฟ้าต่อขยายไปถึงชานเมือง ทำให้วิถีการใช้ชีวิตและรูปแบบการพัฒนาโครงการเปลี่ยนไป ขนาดพื้นที่บ้านเล็กลง และขยับไปอยู่ชานเมืองมากขึ้น ซึ่งบ้านแฝด 35 ตารางวา ราคา 2 ล้านปลายๆถึง 5-6 ล้านบาท จะแทนที่บ้านเดี่ยว 50 ตารางวา ส่วนคอนโดมิเนียมราคาถูก จะมาทดแทนทาวน์เฮาส์ชานเมืองถาวร ปิดฉากทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ขณะนี้ราคาจะเริ่มต้น 2 ล้านต้นๆ ยกเว้นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวทำเลนิคมอุตสาหกรรม ส่วนบ้านราคา 10-30 ล้านบาทในเมืองจะขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะที่ดินในซอยเล็กๆ ไม่สามารถขึ้นคอนโดมิเนียมได้"นายอิสระกล่าว
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดทาวน์เฮ้าส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ปัจจุบันมีซัพพลายเหลือน้อยลง เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นทั้งราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้าง ทำให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาโครงการใหม่ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทตอนนี้ไม่มีในตลาดแล้ว โดย ณ สิ้นไตรมาส3ของปี 2566 พบว่าทาวน์เฮาส์ราคา 1-1.5 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายจำนวน 2,246 หน่วย มูลค่า 3,384 ล้านบาท ส่วนโครงการเปิดใหม่ใน 3 ไตรมาสของปี 2566 มีจำนวน 408 หน่วยเท่านั้น
"ทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท เป็นตลาดของคนชั้นกลางที่พอมีรายได้ ซึ่งความต้องการซื้อยังมีอยู่ แต่ไม่มีผู้ประกอบการผลิตสินค้าออกมาสู่ตลาด หลังจากที่ต้นทุนสูงขึ้นมาก ทำให้ในช่วงหลังจะมีทาวน์เฮ้าส์ราคา 2-3 ล้านบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับทำเล ขณะที่ผู้ประกอบการมีการปรับโปรดักต์เป็นทาวน์โฮมมากขึ้น โดยข้อมูลรวมทั้ง 3 ไตรมาสของปี 2566 มีหน่วยเปิดขายอยู่กว่า 32,000 หน่วย แต่ในต่างจังหวัดยังมีสินค้าอยู่ ส่วนใหญ่อยู่ทำเลเป็นนิคมอุตสาหกรรมและแหล่งงาน สะท้อนได้ว่าขณะนี้ภาพรวมตลาดทาวน์เฮาส์ยังทรงๆตัว แต่ก็มีทิศทางลดลงดูจากช่วงไตรมาส1และไตรมาส2ของปี 2566 ที่เปิดตัวลดลง" นายวิชัยกล่าว