อสังหาครึ่งหลังฟื้น มาตรการรัฐหนุนเร่งคนตัดสินใจซื้อ
Loading

อสังหาครึ่งหลังฟื้น มาตรการรัฐหนุนเร่งคนตัดสินใจซื้อ

วันที่ : 17 เมษายน 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐมีกำหนดเวลาสิ้นสุดปลายปี 2567 เป็น "แรงกดดัน" ให้ คนเร่งตัดสินใจซื้อบ้านช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น ความคึกคักของตลาดอสังหาฯ จะเห็นผลชัดเจน ครึ่งปีหลังเริ่มจากไตรมาส 3 ไปถึงไตรมาส 4
       
      ผู้ประกอบการอสังหาฯ มั่นใจมาตรการรัฐหนุนตลาดพลิกโต ครึ่งปีหลัง ดีมานด์พุ่ง  ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เล็งปรับตัวเลข คาดการณ์จาก 3.9% ขยับขึ้น 5-10% มูลค่าทะยาน 1.1 ล้านล้านบาท สูงกว่าก่อนโควิด

      นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากมาตรการกระตุ้นจาก ภาครัฐมีออกมาในไตรมาส 2 รวมทั้งผู้ซื้อรอดู การปรับลดดอกเบี้ยลงก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เชื่อว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับลด อัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ทิศทางครึ่งปีหลังนี้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น

       มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐมีกำหนดเวลาสิ้นสุดปลายปี 2567 เป็น "แรงกดดัน" ให้ คนเร่งตัดสินใจซื้อบ้านช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น ความคึกคักของตลาดอสังหาฯ จะเห็นผลชัดเจน ครึ่งปีหลังเริ่มจากไตรมาส 3 ไปถึงไตรมาส 4

        "เชื่อว่ามาตรการที่ออกมากระตุ้นแรงขนาดนี้จะช่วยดันตลาดอสังหาฯ ขยายตัว ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์จาก Base Case เดิม คาดการณ์ไว้ที่ 3.9% ขยับขึ้นเนื่องจากมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้น อสังหาฯ เข้ามา ทำให้มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ ที่คาดการณ์ประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 1.1 ล้านล้านบาทในปี 2567 หรือ มีอัตราการเติบโต 5-10%"

         นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะส่งผลดี ต่อการซื้อขายที่อยู่อาศัยทั้งประเทศ ไม่เฉพาะ กลุ่มระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วน เกินกว่า 85% แต่ทั้งบ้านมือ 1 มือ 2 รวมทั้งธุรกิจ เชื่อมโยง อาทิ วัสดุก่อสร้าง การจ้าง แรงงาน ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง รวมถึงการใช้สาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา

        "มาตรการดังกล่าวกระตุ้นธุรกิจอุตสาหกรรมจำนวนมากที่เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ และภาคสถาบันการเงิน ส่งผลเชิงบวก ต่อความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและภาคลงทุน ความเชื่อมั่นภาคครัวเรือน ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในครึ่งปีหลัง กระเตื้องขึ้นได้ แม้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นแต่สร้างผลกระทบวงกว้าง"

         ผลจากมาตรการภาครัฐช่วยให้ภาคอสังหาฯ ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้น การโอนกรรมสิทธิ์ น่าจะเป็นบวก 5-10% ทำให้ตลาดดีขึ้นในไตรมาส 2 จากไตรมาสแรกการเปิดตัวโครงการลดลง 60% เทียบปีที่ผ่านมา

         คาดไตรมาส 2 ตัวเลขการโอนขยับ

         นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลนำมาตรการกระตุ้น ภาคอสังหาฯ โดยลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียน และค่าจดทะเบียนโอน ทำให้ตลาดขยับตัวได้ดีมากเพราะช่วยลดภาระคนซื้อบ้านและคนขาย เท่ากับเป็นการ "ลดต้นทุน" สามารถนำเงินส่วนนี้ไปทำโปรโมชัน หรือ ราคาขายลงได้ โดยเฉพาะสต็อกบ้านราคามากกว่า 3 ล้านบาท หรือในระดับ 5-7 ล้านบาท ที่มีจำนวนมากจะระบายได้

       นอกจากนี้ หากมีการ "โอน" จะส่งแรงกระเพื่อมต่อเนื่องไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งภายใน เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง ก่อสร้าง ภาคการเงิน ทำให้เกิดการจ้างงาน เมื่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ระบายสต็อกได้จะเริ่มกลับมาผลิตบ้านคอนโด เข้ามาใหม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้

      "เชื่อว่าไตรมาส 2 ตัวเลขการโอนจะขยับตัวขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 หลังจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายหยุดการก่อสร้างเพราะสต็อกมีอยู่"

      ครึ่งปีหลังคนตัดสินใจปลูกบ้านเพิ่มขึ้น

      นายวรวุฒิ กาญจนกูล กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ และตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 2 ปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น จากแรงกระตุ้นมาตรการภาครัฐ ส่งผลให้ ยอดขายเริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังยอดขาย ชะลอตัวช่วงไตรมาสแรกปี 2567 จากเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงดอกเบี้ยขาขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ของธนาคาร ส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสแรก ปี 2567 ค่อนข้างซึม

      อย่างไรก็ดี นับเป็นครั้งแรกของตลาดรับสร้างบ้านที่ได้รับมาตรลดหย่อนภาษีปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองเป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ปลูกสร้างบ้านขึ้นใหม่ ไม่เกิน 1 หลัง ตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านที่เซ็นสัญญา และเริ่ม ก่อสร้างตั้งแต่ วันที่ 9 เม.ย.2567 ถึง 31 ธ.ค.2568 โดยได้รับการลดหย่อนภาษีล้านละ 1 หมื่นตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท ตามสัญญา จ้างเหมาก่อสร้างบ้านที่บริษัทรับสร้างบ้านได้เสียอากรแสตมป์ วิธีการชำระอากรเป็นตัวเงิน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไว้ โดยผู้บริโภค จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี ในปีภาษีที่ก่อสร้างบ้านแล้ว

      ข้อดีของมาตรการสร้างบ้านลดหย่อนภาษี "ล้านละหมื่น" จะส่งผลดีกับ 4 กลุ่ม "ผู้บริโภค" ที่วางแผนปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองจะสามารถลดภาระลง สามารถนำเงินที่ว่าจ้างก่อสร้างมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาช่วยให้ตัดสินใจเร็วขึ้น จากเดิมมีบางส่วนชะลอตัดสินใจเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ "ร้านค้า บริษัทวัสดุก่อสร้าง" กับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากภาพรวมของยอดสั่งสร้างบ้านที่มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ