ตลาดอสังหาฯ ต่างชาติวูบ "จีน-เมียนมา" ยอดโอนลด
Loading

ตลาดอสังหาฯ ต่างชาติวูบ "จีน-เมียนมา" ยอดโอนลด

วันที่ : 12 มิถุนายน 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยประเภทห้องชุดในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่า จำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์จากชาวต่างชาติอยู่ที่ 3,919 หน่วย รวมมูลค่า 16,392 ล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการถือครองของชาวต่างชาติในตลาดอสังหาฯ ไทยอยู่ที่ 29.3% ของมูลค่าการโอนทั้งหมด
   ผลพวงเศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว มีผลต่อกำลังซื้อที่เปราะบางลงของไทย ขณะการพึ่งพากำลังซื้อต่างชาติ ซึ่งจีนเป็นลูกค้าหลักแม้ยังครองแชมป์การโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดแต่กลับมีปริมาณการซื้อที่ลดลง

   สะท้อนจากผลสำรวจ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยประเภทห้องชุดในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่า จำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์จากชาวต่างชาติอยู่ที่ 3,919 หน่วย รวมมูลค่า 16,392 ล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการถือครองของชาวต่างชาติในตลาดอสังหาฯ ไทยอยู่ที่ 29.3% ของมูลค่าการโอนทั้งหมด

  เริ่มจากจีนที่ยังครองอันดับหนึ่งประเทศที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดสูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีการโอนทั้งหมด 1,481 หน่วย มูลค่า 6,117 ล้านบาท แต่ลดลงมากถึง 19.2% มองว่า เกิดความระมัดระวังในกลุ่มผู้ซื้อชาวจีน เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในประเทศจีนและการชะลอตัวของการลงทุนต่างชาติทั่วโลก

  ขณะที่เมียนมา กลับมีความน่าสนใจ มียอดซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ ที่เพิ่มขึ้น เป็นอันดับ 2 สวนทางเศรษฐกิจโลก และมีความเป็นไปได้ว่าต้องการหนีภัยสงครามรวมถึงสถานการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง เมื่อเทียบกับประเทศไทยแล้ว มองว่ามีความปลอดภัยมากกว่า ที่สำคัญชาวเมียนมามองเห็นการลงทุนระยะยาว ที่น่าสนใจในไทย

   โดยชาวเมียนมาสนใจซื้อ และโอนห้องชุดในไทย เพิ่มขึ่น ในไตรมาสแรกมากถึง 12% สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มนักลงทุนแม้ว่ามูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์จะลดลงเกือบ 30% ก็ตามความเป็นไปได้ในตลาดอสังหาฯ ไทยสำหรับชาวเมียนมาอาจได้รับแรงกระตุ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและความต้องการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ

   ที่น่าสนใจคือยอดการโอนกรรมสิทธิ์ของชาวเมียมา สูงขึ้น มาเป็นอันดับสอง แซง ชาวรัสเซียที่เคยครองอันดับสองมาอย่างต่อเนื่อง

   โดยรัสเซียในฐานะหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้เพิ่มมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ขึ้นมา 6.9% แม้จำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์จะลดลงเล็กน้อย ที่มาของการเพิ่มขึ้นนี้อาจจะมาจากการซื้อที่มีมูลค่าสูงขึ้นของกลุ่มนักลงทุนรัสเซีย โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ที่มีการพัฒนาอสังหาฯหรู

  อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ซื้อในตลาดอสังหาฯ ต่างชาติยังคงระมัดระวังการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงการชะลอตัวของการลงทุนจากหลายประเทศในเอเชียและยุโรป เช่น จีน สหราชอาณาจักร และเยอรมัน

   สำหรับ10 อันดับการโอนกรรมสิทธิ์ที่มีจำนวนหน่วย มากที่สุดในไตรมาสแรกจีน 1,481 หน่วย (-7.2%)เมียนมา 439 หน่วย (+12%)รัสเซีย 288 หน่วย (-2.4%)ไต้หวัน 197 หน่วย (+37.8%)ฝรั่งเศส 158 หน่วย (+22.5%)สหรัฐอเมริกา 147 หน่วย (-10.4%)สหราชอาณาจักร 131 หน่วย (+21.3%)เยอรมัน 115 หน่วย (-23.8%) สิงคโปร์ 93 หน่วย (+63.2%)ออสเตรเลีย 61 หน่วย (-26.5%)

   ส่วน10 อันดับการโอนที่มีมูลค่า สูงสุดจีน 6,117 ล้านบาท (-19.2%)เมียนมา1,587 ล้านบาท (-28.1%)รัสเซีย 987 ล้านบาท (+6.9%) ไต้หวัน 910 ล้านบาท (+33.9%)สหรัฐอเมริกา 820 ล้านบาท (-10.7%)สหราชอาณาจักร 744 ล้านบาท (+99.7%)ฝรั่งเศส 612 ล้านบาท (+11.2%)สิงคโปร์ 511 ล้านบาท (+52.5%)เยอรมัน 407 ล้านบาท (-16.1%)อินเดีย 373 ล้านบาท (+2.1%)การเปลี่ยนแปลงในตลาดอสังหาฯ ไทยที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2568 แสดงให้เห็นว่าอสังหาฯ ไทยยังคงดึงดูดนักลงทุนจากหลากหลายประเทศ แม้เศรษฐกิจโลกจะไม่แน่นอน แต่การเติบโตในบางประเทศก็ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของอสังหาฯ ไทยในระยะยาว

  ต้องจับตาตลาดอสังหาฯต่างชาติโดยเฉพาะ จีนที่เวลานี้ดูเงียบเหงา กำลังซื้อเมียนมาจะขยับขึ้นหรือไม่ในไตรมาสต่อๆไป ดีเวลอปเปอร์ไทยต้องเร่งสปีด เจาะตลาดอย่างเข้มข้นขึ้น ทดแทนกำลังซื้อไทยที่นับวันจะอ่อนแอลง!!!