REICชี้ต้นปี กำลังซื้อต่างชาติชะลอ โอนห้องชุดลดลง
วันที่ : 17 กรกฎาคม 2568
สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ในไตรมาส1/2568 ของชาวต่างชาติ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พบว่า มีการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่สัดส่วนในตลาดรวมเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยกรุงเทพมหานคร และชลบุรีเป็นพื้นที่หลัก คิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 80% ของมูลค่าทั้งประเทศ
โดยตัวเลขโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 3,919 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 16,392 ล้านบาท และมีพื้นที่รวม 164,376 ตารางเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน (YoY) โดยจำนวนหน่วยลดลง -0.5% มูลค่าลดลง -9.0% และพื้นที่ลดลง -5.0% ซึ่งเห็นถึงความชะลอตัวของตลาดในช่วงต้นปี แม้ว่าจำนวนและมูลค่าการโอนจะลดลง แต่สัดส่วนของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติเมื่อเทียบกับตลาดรวมกลับเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสนี้คิดเป็น18.0% ของจำนวนหน่วยทั้งหมด และ29.3%ของมูลค่ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อ ที่อยู่ที่ 16.7% และ 28.6% ตามลำดับ ซึ่งชาวจีนยังเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ขณะที่ผู้ซื้อจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการโอนเฉลี่ยสูงสุด สะท้อนพฤติกรรมของกลุ่มกำลังซื้อสูงในตลาดต่างชาติ
สะท้อนให้เห็นว่าตลาดต่างชาติยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดห้องชุดไทย เมื่อพิจารณาตามพื้นที่กรุงเทพฯ และชลบุรี ยังคงเป็นสองจังหวัดหลักที่ชาวต่างชาตินิยมซื้อห้องชุด โดยกรุงเทพฯ มีสัดส่วนจำนวนหน่วยมากที่สุด 43.3% รองลงมาคือชลบุรีที่ 33.4% รวมกันทั้งสองจังหวัดมีสัดส่วนสูงถึง 76.7%
ขณะที่มูลค่าการโอนของทั้งสองจังหวัดรวมกันคิดเป็น 81.5% ของมูลค่าทั้งประเทศ ซึ่งกรุงเทพฯ มีมูลค่าสูงสุดที่5 8.3% และชลบุรี 23.2% ในด้านสัญชาติของผู้ซื้อ ชาวจีนยังคงเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด โดยมีสัดส่วนจำนวนหน่วยที่37.8% และมูลค่าที่ 37.3% อย่างไรก็ตาม ทั้งจำนวนและมูลค่านี้ลดลงจากปีก่อน โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือปัญหาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวจีน ส่งผลให้จำนวนการเดินทางและการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวจีนลดลง นอกจากชาวจีนแล้ว สัญชาติที่มีบทบาทในตลาด ได้แก่ เมียนมามีสัดส่วนจำนวนหน่วย 11.2% และมูลค่า 9.7% ตามด้วยรัสเซียมีจำนวนหน่วย7.3% และมูลค่า6.0%
สำหรับสัญชาติสหราชอาณาจักร แม้จะมีจำนวนหน่วยไม่สูง แต่มีมูลค่าการโอนเฉลี่ยต่อหน่วยสูงที่สุดที่ 5.7 ล้านบาท และขนาดห้องเฉลี่ยใหญ่ที่สุดที่ 60.1 ตารางเมตร สะท้อนถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
อย่างไรก็ตาม ชาวจีนเป็นสัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศโดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวจีนไปแล้วทั้งหมด 1,481 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 37.8% ของหน่วยทั้งหมด และ 4 สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อันดับรองลงมา ได้แก่ ชาวเมียนมาจำนวน 439 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 11.2% ถัดมาคือ รัสเซียจำนวน 288 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 7.3% ไต้หวันจำนวน 197 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน5.0% อันดับ 5 คือ ฝรั่งเศสจำนวน 158 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 4.0% ตามลำดับ
สะท้อนให้เห็นว่าตลาดต่างชาติยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดห้องชุดไทย เมื่อพิจารณาตามพื้นที่กรุงเทพฯ และชลบุรี ยังคงเป็นสองจังหวัดหลักที่ชาวต่างชาตินิยมซื้อห้องชุด โดยกรุงเทพฯ มีสัดส่วนจำนวนหน่วยมากที่สุด 43.3% รองลงมาคือชลบุรีที่ 33.4% รวมกันทั้งสองจังหวัดมีสัดส่วนสูงถึง 76.7%
ขณะที่มูลค่าการโอนของทั้งสองจังหวัดรวมกันคิดเป็น 81.5% ของมูลค่าทั้งประเทศ ซึ่งกรุงเทพฯ มีมูลค่าสูงสุดที่5 8.3% และชลบุรี 23.2% ในด้านสัญชาติของผู้ซื้อ ชาวจีนยังคงเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด โดยมีสัดส่วนจำนวนหน่วยที่37.8% และมูลค่าที่ 37.3% อย่างไรก็ตาม ทั้งจำนวนและมูลค่านี้ลดลงจากปีก่อน โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือปัญหาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวจีน ส่งผลให้จำนวนการเดินทางและการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวจีนลดลง นอกจากชาวจีนแล้ว สัญชาติที่มีบทบาทในตลาด ได้แก่ เมียนมามีสัดส่วนจำนวนหน่วย 11.2% และมูลค่า 9.7% ตามด้วยรัสเซียมีจำนวนหน่วย7.3% และมูลค่า6.0%
สำหรับสัญชาติสหราชอาณาจักร แม้จะมีจำนวนหน่วยไม่สูง แต่มีมูลค่าการโอนเฉลี่ยต่อหน่วยสูงที่สุดที่ 5.7 ล้านบาท และขนาดห้องเฉลี่ยใหญ่ที่สุดที่ 60.1 ตารางเมตร สะท้อนถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
อย่างไรก็ตาม ชาวจีนเป็นสัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศโดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวจีนไปแล้วทั้งหมด 1,481 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 37.8% ของหน่วยทั้งหมด และ 4 สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อันดับรองลงมา ได้แก่ ชาวเมียนมาจำนวน 439 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 11.2% ถัดมาคือ รัสเซียจำนวน 288 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 7.3% ไต้หวันจำนวน 197 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน5.0% อันดับ 5 คือ ฝรั่งเศสจำนวน 158 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 4.0% ตามลำดับ
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ