ดีมานด์จีนหายทุบอสังหาฯเชียงใหม่ 'ยอดวูบ-สต็อกล้น' จับตา 'เมียนมา-สหรัฐ' มาแรง!
Loading

ดีมานด์จีนหายทุบอสังหาฯเชียงใหม่ 'ยอดวูบ-สต็อกล้น' จับตา 'เมียนมา-สหรัฐ' มาแรง!

วันที่ : 25 กันยายน 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่ยังคงเป็นตลาดใหญ่ของภาคเหนือ ด้วยสัดส่วนกว่า 50% ของตลาดที่อยู่อาศัยใน 5 จังหวัด แต่เมื่อแยกพิจารณารายละเอียด กลับพบว่ายอดขายโครงการใหม่ลดลง 13.4% ขณะที่ สต็อกเหลือขายพุ่งขึ้น 4.3% ส่งผลให้อัตราดูดซับเฉลี่ยเหลือเพียง 1.6% ต่อเดือน และต้องใช้เวลานาน ถึง 57 เดือน กว่าจะขายหมด! เทียบกับ 47 เดือน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
   บุษกร ภู่แส

   กรุงเทพธุรกิจ

   "ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีนและภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยในประเทศไทย ทำให้ความสนใจจากนักลงทุนจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ"

   ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ตลาดที่อยู่อาศัยเชียงใหม่ส่งสัญญาณชัดเจนถึงภาวะ "ชะลอตัว" ที่ลึก และยาวนานกว่าที่คาด ยอดขายลดลงต่อเนื่อง ขณะที่หน่วยเหลือขายเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนการปรับตัว ที่ยังไม่สมดุลระหว่าง ดีมานด์จริง (Real Demand) กับ อุปทานล้นตลาด (Oversupply)

   ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่ยังคงเป็นตลาดใหญ่ของภาคเหนือ ด้วยสัดส่วนกว่า 50% ของตลาดที่อยู่อาศัยใน 5 จังหวัด แต่เมื่อแยกพิจารณารายละเอียด กลับพบว่ายอดขายโครงการใหม่ลดลง 13.4% ขณะที่ สต็อกเหลือขายพุ่งขึ้น 4.3% ส่งผลให้อัตราดูดซับเฉลี่ยเหลือเพียง 1.6% ต่อเดือน และต้องใช้เวลานาน ถึง 57 เดือน กว่าจะขายหมด! เทียบกับ 47 เดือน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

   "ตลาดที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ ชะลอตัวต่อเนื่อง จากภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหัวใจหลักของจังหวัด"

   เปิดใหม่น้อย ขายไม่ทัน สต็อกบวม

   ตัวเลขที่น่ากังวลไม่ใช่แค่ยอดขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ "หดตัว" อย่างรุนแรง โดยครึ่งแรกของปี 2568 มีโครงการใหม่ เพียง 284 หน่วย ลดลงถึง 66.2% มูลค่ารวม ลดลง 74% เทียบปีก่อนหน้า แยกตามประเภท พบว่า "บ้านจัดสรร" เปิดใหม่ลดลง -76.8% "คอนโดมิเนียม" ลดลง 52.6% "วิลล่า" แม้จะเปิดใหม่ไม่มาก แต่ยอดขายกลับพุ่งสูงถึง 700% ในครึ่งปีแรก ซึ่งอาจสะท้อนความสนใจของกลุ่มเป้าหมายใหม่จากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนระยะยาว

   สัญญาณเปลี่ยนจาก "เช่า" แทน "ซื้อ"

   อรรคเดช อุดมศิริธำรง นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ระบุว่า พฤติกรรมผู้บริโภค ในเชียงใหม่กำลังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จาก "ซื้อ" มาเป็น "เช่า" โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่สามารถ เข้าถึงสินเชื่อ สังเกตได้จากการค้นหาที่อยู่อาศัยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ลดลง แม้เชียงใหม่จะมีเพจวิวสูงที่สุด แต่กลับลดลงกว่า 20% สะท้อนว่าความต้องการซื้อจริงถดถอย!

   ขณะที่ยอดเช่ากลับเพิ่มสูงขึ้น จำนวนยูนิตว่างให้เช่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนพฤติกรรม ของทั้งสองฝั่ง "ผู้ซื้อ" ยังไม่พร้อมตัดสินใจซื้อ และผู้ประกอบการเลือกนำสินทรัพย์ปล่อยเช่า เพื่อรักษาสภาพคล่อง

   ดีมานด์จีนหาย "เมียนมา-สหรัฐ" แทนที่

   ตลาดต่างชาติที่เคยพึ่งพานักลงทุนจีนเริ่มเปลี่ยนโฉม จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีนและภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยในประเทศไทย ทำให้ความสนใจจากนักลงทุนจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทว่า กลับเป็นกลุ่มลูกค้าชาว "เมียนมา" ที่ขยับขึ้นมาแทนที่ โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลาง ที่มองหาความปลอดภัย และระบบการศึกษาที่ดีกว่า สำหรับลูกหลาน ทำให้ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ของชาวเมียนมาในเชียงใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

   "การเดินทางจากมัณฑะเลย์ หรือ ย่างกุ้งมายังเชียงใหม่สะดวก ด้วยวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน ส่งผลให้เชียงใหม่กลายเป็นจุดหมายใหม่ ของชาวเมียนมาที่ต้องการย้ายถิ่นฐานระยะยาว"

   ขณะเดียวกัน "ตลาดสหรัฐ" เริ่มมีบทบาทมากขึ้น มีการสร้างสถานกงสุลสหรัฐแห่งใหม่ ในเชียงใหม่ และขยายบุคลากรจาก 200 คน เป็นกว่า 1,000 คน ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัยทั้งซื้อ และเช่าในระดับบนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

   ครึ่งปีหลังหวัง "ดอกเบี้ยลด-การเมืองนิ่ง"

   แม้ครึ่งปีแรกจะหนักหนา แต่แสงสว่างปลายอุโมงค์ อาจเริ่มเห็นรางๆ จากหลายปัจจัยสนับสนุน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การปล่อยสินเชื่อจาก ธนาคารพาณิชย์ที่เริ่มผ่อนคลาย ความชัดเจนทางการเมืองหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และ ฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายปี

   "ธรรมชาติของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคเหนือ มักฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีฤดูกาลท่องเที่ยวชัดเจนอย่างเชียงใหม่ หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เพิ่มเติม เชื่อว่าตลาดจะค่อยๆ กลับมาได้"

   โอกาสในวิกฤติผู้เล่นที่พร้อมจะปรับตัว

   แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ในครึ่งปีแรกของ 2568 จะไม่สดใส แต่ก็ไม่ได้หมดหวังเสียทีเดียว หากผู้ประกอบการสามารถปรับตัว ให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่า จะเป็นการขยับจากตลาดขายสู่ตลาดเช่า การจับดีมานด์ใหม่จากกลุ่มต่างชาติที่กำลังขยาย หรือการปรับโมเดลธุรกิจให้ยืดหยุ่นมากขึ้น

   อย่างไรก็ดี ปีนี้อาจยังมี "จังหวะ" ให้ฟื้นตัว หากผู้ประกอบการเข้าใจตลาด สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และความต้องการที่เปลี่ยนไป!