'บิ๊กธุรกิจ' หนุนรัฐฟื้น 'คุณสู้เราช่วย'
วันที่ : 8 ตุลาคม 2568
เจ้าของธุรกิจอสังหาฯ-ภัตตาคารจี้รัฐบาลสร้างบรรยากาศใช้จ่าย แนะตัวเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจไทยขยายตัวเกิน 2% เชียร์ 'ควิก บิ๊ก วิน' เติมเงินใช้จ่าย-เร่งเบิกจ่ายงบปี'69-ลดภาระหนี้-ขยายโครงการคุณสู้เราช่วย ปัจจัยหลักช่วย 'เอสเอ็มอี' สร้างแต้มต่อ-ประคองธุรกิจ
ช่วยเอสเอ็มอีลดหนี้-ต่อลมหายใจ
จี้รัฐบิลด์บรรยากาศ'กินช้อปเที่ยว'
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ หัวหิน และภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะรายใหญ่หรือรายเล็ก อยากให้รัฐบาลเร่งสร้างบรรยากาศ หรือออกแรงกระตุ้นให้ประชาชนและผู้บริโภคใช้จ่ายและท่องเที่ยวมากขึ้น สะท้อนได้จากจำนวนคนเข้าไปใช้บริการในห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารทั่วไป ค่อนข้างน้อยมากในวันปกติ หรือแม้วันหยุดบางช่วงก็ตาม อีกทั้งที่ผ่านมาเจอปัจจัยกดดันผู้ประกอบการ อย่างประเด็นค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งเงินบาทไทยแข็งค่ากว่าเงินสกุลประเทศอื่นในอาเซียนด้วยกันถึง 7% ทำให้เกิดความลังเลใช้จ่าย หรืออย่างในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติเห็นการลังเลที่จะจอง หรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อในไทย อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมเห็นด้วยที่รัฐบาลจะเริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส โครงการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว หรือโครงการลดภาระผู้ประกอบการ ซึ่งต้องทำไปพร้อมกับการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ 2569 ที่มีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ
นายพสุกล่าวว่า อีกประเด็นที่ผู้ประกอบการอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขคือ การแก้หนี้ครัวเรือนและลดภาระผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี วันนี้ต้องเร่งกระตุ้นเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ ไม่แค่ออกโครงการแจกเงิน แต่สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างจริงจัง อยากให้มีการตอกย้ำ "โครงการคุณสู้เราช่วย" ให้กว้างขึ้น มีการปรับปรุงการพิจารณาและวิธีการดึงคนเข้าระบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้มากขึ้น การกระตุ้น เศรษฐกิจต้องทำควบคู่กันทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เมื่อเอสเอ็มอี มีความคล่องเพียงพอและภาระหนี้ลดลงก็จะยังทำการค้าขายต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น กลุ่มเหล่านี้จะเป็นห่วงโซ่การหมุนเวียนทางธุรกิจ การฟ้นตัวของเศรษฐกิจก็รวดเร็ว
"รัฐบาลต้องทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีความเชื่อมั่นและมั่นใจที่จะใช้จ่าย ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น หากกลุ่มหลักของประเทศยังใช้จ่าย ล้อการหมุนเวียนของเศรษฐกิจก็จะทำงาน นโยบายควิก บิ๊ก วิน หากทำได้เร็วและแรงต่อเนื่อง ผมเชื่อว่าจะช่วยประคองให้เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ขยายตัวดีกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวได้เพียง 1.5% และทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีนี้โตได้เกิน 2%" นายพสุกล่าว
นายพสุกล่าวว่า อีกประเด็นที่กังวลคือ สถานการณ์ตามชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องยอมรับว่ากระทบกับทุกคน ไม่แค่การค้าชายแดน โดยเฉพาะทักษะผู้ใช้แรงงาน ซึ่งแรงงานกัมพูชาก็เด่นในเรื่องการปูกระเบื้อง เป็นต้น อีกประเด็นที่รัฐบาลต้องเร่งคือการหาตลาดใหม่ ซึ่งไม่ได้ทำได้ง่ายในเวลาอันสั้น และเป็นเรื่องที่มีการแข่งขันสูงมากในวันนี้
นายนพดล นฤตรรกกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท หงเปา อีวี จำกัด เจ้าของและผู้บริหารภัตตาคาร "หงเปา" เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารต้องอาศัยอารมณ์ผู้บริโภคและบรรยากาศที่คึกคักในการกระตุ้นการออกมาบริโภคอาหารนอกบ้าน ซึ่งปี 2568 นี้ยอมรับยอดขายร้านอาหารทั่วไปหายไป 15-20% ดังนั้น เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะออกโครงการที่จะกระตุ้นใช้จ่าย แม้ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อภัตตาคาร แต่เมื่อคนมีรายได้เพิ่มเติมในการใช้จ่ายประจำวันก็จะใช้เงินที่มีบางส่วนในการเลี้ยงสังสรรค์ในโอกาสพิเศษ หรือวันหยุดยาว ซึ่งร้านอาหารระดับภัตตาคารก็คาดหวังกำลังซื้อจากส่วนนี้
จี้รัฐบิลด์บรรยากาศ'กินช้อปเที่ยว'
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ หัวหิน และภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะรายใหญ่หรือรายเล็ก อยากให้รัฐบาลเร่งสร้างบรรยากาศ หรือออกแรงกระตุ้นให้ประชาชนและผู้บริโภคใช้จ่ายและท่องเที่ยวมากขึ้น สะท้อนได้จากจำนวนคนเข้าไปใช้บริการในห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารทั่วไป ค่อนข้างน้อยมากในวันปกติ หรือแม้วันหยุดบางช่วงก็ตาม อีกทั้งที่ผ่านมาเจอปัจจัยกดดันผู้ประกอบการ อย่างประเด็นค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งเงินบาทไทยแข็งค่ากว่าเงินสกุลประเทศอื่นในอาเซียนด้วยกันถึง 7% ทำให้เกิดความลังเลใช้จ่าย หรืออย่างในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติเห็นการลังเลที่จะจอง หรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อในไทย อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมเห็นด้วยที่รัฐบาลจะเริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส โครงการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว หรือโครงการลดภาระผู้ประกอบการ ซึ่งต้องทำไปพร้อมกับการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ 2569 ที่มีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ
นายพสุกล่าวว่า อีกประเด็นที่ผู้ประกอบการอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขคือ การแก้หนี้ครัวเรือนและลดภาระผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี วันนี้ต้องเร่งกระตุ้นเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ ไม่แค่ออกโครงการแจกเงิน แต่สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างจริงจัง อยากให้มีการตอกย้ำ "โครงการคุณสู้เราช่วย" ให้กว้างขึ้น มีการปรับปรุงการพิจารณาและวิธีการดึงคนเข้าระบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้มากขึ้น การกระตุ้น เศรษฐกิจต้องทำควบคู่กันทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เมื่อเอสเอ็มอี มีความคล่องเพียงพอและภาระหนี้ลดลงก็จะยังทำการค้าขายต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น กลุ่มเหล่านี้จะเป็นห่วงโซ่การหมุนเวียนทางธุรกิจ การฟ้นตัวของเศรษฐกิจก็รวดเร็ว
"รัฐบาลต้องทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีความเชื่อมั่นและมั่นใจที่จะใช้จ่าย ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น หากกลุ่มหลักของประเทศยังใช้จ่าย ล้อการหมุนเวียนของเศรษฐกิจก็จะทำงาน นโยบายควิก บิ๊ก วิน หากทำได้เร็วและแรงต่อเนื่อง ผมเชื่อว่าจะช่วยประคองให้เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ขยายตัวดีกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวได้เพียง 1.5% และทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีนี้โตได้เกิน 2%" นายพสุกล่าว
นายพสุกล่าวว่า อีกประเด็นที่กังวลคือ สถานการณ์ตามชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องยอมรับว่ากระทบกับทุกคน ไม่แค่การค้าชายแดน โดยเฉพาะทักษะผู้ใช้แรงงาน ซึ่งแรงงานกัมพูชาก็เด่นในเรื่องการปูกระเบื้อง เป็นต้น อีกประเด็นที่รัฐบาลต้องเร่งคือการหาตลาดใหม่ ซึ่งไม่ได้ทำได้ง่ายในเวลาอันสั้น และเป็นเรื่องที่มีการแข่งขันสูงมากในวันนี้
นายนพดล นฤตรรกกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท หงเปา อีวี จำกัด เจ้าของและผู้บริหารภัตตาคาร "หงเปา" เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารต้องอาศัยอารมณ์ผู้บริโภคและบรรยากาศที่คึกคักในการกระตุ้นการออกมาบริโภคอาหารนอกบ้าน ซึ่งปี 2568 นี้ยอมรับยอดขายร้านอาหารทั่วไปหายไป 15-20% ดังนั้น เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะออกโครงการที่จะกระตุ้นใช้จ่าย แม้ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อภัตตาคาร แต่เมื่อคนมีรายได้เพิ่มเติมในการใช้จ่ายประจำวันก็จะใช้เงินที่มีบางส่วนในการเลี้ยงสังสรรค์ในโอกาสพิเศษ หรือวันหยุดยาว ซึ่งร้านอาหารระดับภัตตาคารก็คาดหวังกำลังซื้อจากส่วนนี้
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ