PREB งานรับเหมาทะลักดันQ4แจ่ม-รุกประมูลเพิ่ม
วันที่ : 16 ธันวาคม 2568
PREB งานรับเหมา ทะลัก หนุนโค้งท้ายฟอร์มสวย ใส่เกียร์ รุกชิงงานใหม่ต่อเนื่อง อัพแบ็กล็อกเพิ่มจากเดิมราว 9.8 พันล้านบาท กินยาวถึงปี 2571 พร้อมปรับโมเดลสัญญารับงานให้เหมาะสม ปูทางสนับสนุนการเติบโตยั่งยืน
นายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/2568 น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2568 เพราะบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่รอส่งมอบเพิ่มขึ้นรวมทั้งยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ
รุกสอยงานเพิ่ม
อย่างไรก็ดี จากการสำรวจข้อมูลล่าสุดทาง PREB มีงานในมืออยู่ที่ประมาณ 9.8 พันล้านบาท จากโครงการในรูปแบบต่างๆ อาทิ ก่อสร้างอาคาร, สำนักงาน, โรงงาน ฯลฯ ซึ่งคาดน่าจะสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปี 2571 รวมทั้งบริษัทมีแนวทางประมูลโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าและช่วยสนับสนุนให้รายรับในระยะยาวดีขึ้นเพิ่มเติม
ด้านตัวเลขสัดส่วนรายได้ของบริษัทในล่าสุด แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 70%, กลุ่มของธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างอีกคิดเป็นสัดส่วนราย 10% ส่วนที่เหลือจากกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย
ขณะเดียวกันในส่วนของกลุ่มธุรกิจงานก่อสร้างในตั้งแต่ในไตรมาส 4/2568 บริษัทได้มีการปรับรูปแบบ, เงื่อนไขราคาและสัญญาว่าจ้างใหม่ รวมถึงปรับประเภทงานให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด ทำให้โครงการที่เข้ามาเริ่มกลับสู่ระดับอัตรากำไรปกติ โดยเฉพาะส่วนงานรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของรายได้ และกำไร สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตอีกทางหนึ่ง
มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน โดยการปรับขึ้นค่าแรงนี้จะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด และบางกิจการในต่างจังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการปรับแผนดังกล่าวคงช่วยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้ดีขึ้น อีกทั้งหากทุกอย่างสำเร็จตามที่วางไว้ในในส่วนกำไรขั้นต้นของส่วนงานรับเหมาก่อสร้าง บริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสถัดไป และเชื่อว่าจะรักษาระดับที่ดีได้ตลอดปีหน้า เนื่องจากโครงการใหม่มีการทบทวนราคาต้นทุนและเงื่อนไขสัญญาแล้วเสร็จ รองรับการส่งมอบงานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มเติม
สำหรับแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างที่ขยับเพิ่มขึ้นนั้นทาง PREB ประเมินคงไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะการเพิ่มขึ้นเป็นเพียงวัสดุบางรายการ แต่ในบางรายการปรับลดลง ทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้ในส่วนหนึ่ง และในส่วนที่เหลือคงจะมีการเจรจากับทางเจ้าของโครงการเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงได้
LTV หนุนอสังหา
ขณะที่ประเด็นเกี่ยวกับการที่ล่าสุดทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว เพื่อประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็น 100% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี 1. มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ 2. มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป และจะมีผลถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ทาง PREB ประเมินว่าน่าจะเป็นประเด็นบวกต่อธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายของบริษัทในเครือนั้นน่าจะช่วยสนับสนุนให้ความต้องการ (ดีมานด์) ปรับตัวดีขึ้น
รุกสอยงานเพิ่ม
อย่างไรก็ดี จากการสำรวจข้อมูลล่าสุดทาง PREB มีงานในมืออยู่ที่ประมาณ 9.8 พันล้านบาท จากโครงการในรูปแบบต่างๆ อาทิ ก่อสร้างอาคาร, สำนักงาน, โรงงาน ฯลฯ ซึ่งคาดน่าจะสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปี 2571 รวมทั้งบริษัทมีแนวทางประมูลโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าและช่วยสนับสนุนให้รายรับในระยะยาวดีขึ้นเพิ่มเติม
ด้านตัวเลขสัดส่วนรายได้ของบริษัทในล่าสุด แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 70%, กลุ่มของธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างอีกคิดเป็นสัดส่วนราย 10% ส่วนที่เหลือจากกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย
ขณะเดียวกันในส่วนของกลุ่มธุรกิจงานก่อสร้างในตั้งแต่ในไตรมาส 4/2568 บริษัทได้มีการปรับรูปแบบ, เงื่อนไขราคาและสัญญาว่าจ้างใหม่ รวมถึงปรับประเภทงานให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด ทำให้โครงการที่เข้ามาเริ่มกลับสู่ระดับอัตรากำไรปกติ โดยเฉพาะส่วนงานรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของรายได้ และกำไร สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตอีกทางหนึ่ง
มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน โดยการปรับขึ้นค่าแรงนี้จะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด และบางกิจการในต่างจังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการปรับแผนดังกล่าวคงช่วยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้ดีขึ้น อีกทั้งหากทุกอย่างสำเร็จตามที่วางไว้ในในส่วนกำไรขั้นต้นของส่วนงานรับเหมาก่อสร้าง บริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสถัดไป และเชื่อว่าจะรักษาระดับที่ดีได้ตลอดปีหน้า เนื่องจากโครงการใหม่มีการทบทวนราคาต้นทุนและเงื่อนไขสัญญาแล้วเสร็จ รองรับการส่งมอบงานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มเติม
สำหรับแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างที่ขยับเพิ่มขึ้นนั้นทาง PREB ประเมินคงไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะการเพิ่มขึ้นเป็นเพียงวัสดุบางรายการ แต่ในบางรายการปรับลดลง ทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้ในส่วนหนึ่ง และในส่วนที่เหลือคงจะมีการเจรจากับทางเจ้าของโครงการเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงได้
LTV หนุนอสังหา
ขณะที่ประเด็นเกี่ยวกับการที่ล่าสุดทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว เพื่อประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็น 100% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี 1. มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ 2. มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป และจะมีผลถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ทาง PREB ประเมินว่าน่าจะเป็นประเด็นบวกต่อธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายของบริษัทในเครือนั้นน่าจะช่วยสนับสนุนให้ความต้องการ (ดีมานด์) ปรับตัวดีขึ้น
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ