สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดภาคใต้
Loading

สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดภาคใต้

วันที่ : 30 มีนาคม 2566
รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ของจังหวัดภาคใต้ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ได้รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ของจังหวัดภาคใต้ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช โดย ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคใต้ 4 จังหวัด ครึ่งหลังปี 2565 พบว่า จำนวนอุปทานพร้อมขายจำนวนประมาณ 17,564 หน่วย มูลค่า 77,112 ล้านบาท ซึ่งมีการขยายตัว YoY ร้อยละ 0.8 และ 1.3 ตามลำดับ สาเหตุที่ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยมีการขยายตัวลงน้อยเช่นนี้เป็นผลมาจากที่อุปทานอาคารชุดเสนอขายหดตัวลงอย่างมากทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าถึงร้อยละ -20.6 และ -17.6 ตามลำดับ โดยพบว่าจังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราชไม่มีการเปิดตัวใหม่เลย ส่วนจังหวัดภูเก็ตและสุราษฎร์ธานีที่มีการเปิดตัวโครงการอาคารชุดใหม่ในช่วงการสำรวจไม่มาก จำนวน 350 และ 459 หน่วย ขณะที่บ้านจัดสรรมีหน่วยเสนอขายขยายตัวทั้งหน่วยและมูลค่าถึงร้อยละ 11.6 และ 11.3 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นมากในจังหวัดสงขลาและสุราษฎร์ธานี ส่วนจังหวัดภูเก็ตและนครศรีธรรมราชยังมีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยมาก

ทั้งนี้ในภาพรวมในภาคใต้ 4 จังหวัดมีหน่วยเปิดตัวใหม่เข้าสู่ตลาด 1,929 หน่วย มูลค่า 8,440 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 และ 20.5 ตามลำดับ ขณะที่มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 4,242 หน่วย มูลค่า 16,619 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 110.9 และ 109.8 ตามลำดับ ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 13,322 หน่วย มูลค่า 60,493 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ -13.6 และ -11.3 ตามลำดับ

ทั้งนี้ อัตราดูดซับของภาพรวมตลาดอยู่ที่ร้อยละ 4.0 โดยจังหวัดภูเก็ตมีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุดร้อยละ 4.9 และสุราษฎร์ธานี มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุดร้อยละ 7.8 และถือว่าเป็นอัตราการดูดซับที่สูงกว่าช่วงก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายในพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดย 5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 4 จังหวัดภาคใต้ คือ อันดับ 1 ทำเลเทพกระษัตรี-ศรีสุนทร (ภูเก็ต) จำนวน 1,523 หน่วย มูลค่า 5,842 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลเกาะแก้ว - รัษฎา (ภูเก็ต) จำนวน 1,069 หน่วย มูลค่า 8,123 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลประดู่-บางชุมโถ (สุราษฎร์ธานี) จำนวน 896 หน่วย มูลค่า 2,419 ล้านบาท อันดับ 4 ทำเลหาดบางเทา-หาดสุรินทร์ (ภูเก็ต) จำนวน 798 หน่วย มูลค่า 4,444 ล้านบาท อันดับ 5 ทำเลท่าข้าม-ควนหิน (สงขลา) จำนวน 771 หน่วย มูลค่า 3,368 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 4,882 หน่วย มูลค่า 20,246 ล้านบาท

ในด้านภาพรวมอุปสงค์ พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 4,242 หน่วย มูลค่า 16,619 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 2,676 หน่วย มูลค่า 10,544 ล้านบาท และอาคารชุด 1,566 หน่วย มูลค่า 6,075 ล้านบาท ซึ่งทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรกคือ อันดับ 1 เกาะแก้ว – รัษฎา (ภูเก็ต) จำนวน 1,132 หน่วย มูลค่า 4,544 ล้านบาท อันดับ 2 หาดในยาง-หาดไม้ขาว (ภูเก็ต) จำนวน 616 หน่วย มูลค่า 1,951 ล้านบาท อันดับ 3 ประดู่-บางชุมโถ (สุราษฎร์ธานี) จำนวน 382 หน่วย มูลค่า 1,083 ล้านบาท อันดับ 4 หาดบางเทา – หาดสุรินทร์ (ภูเก็ต) จำนวน 246 หน่วย มูลค่า 1,286 ล้านบาท และอันดับ 5 พัฒนาการ-คูขวาง (นครศรีธรรมราช) จำนวน หน่วย 179 มูลค่า 910 ล้านบาท...
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่